เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศูนย์โลหิตแห่งมณฑลกว่างโจวเริ่มมีจำนวนโลหิตที่เก็บไว้น้อยลง และเพื่อป้องกันการขาดแคลนโลหิตในกรณีฉุกเฉิน โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในสังกัดมหาวิทยาลัยจี้หนานได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตขึ้นเพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันการขาดแคลนโลหิตในช่วงระหว่างการแพร่ระบาดของโรคร้าย และในกิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้ได้มีบุคลากรของโรงพยาบาลเข้าร่วมบริจาคเป็นจำนวน 57 คน ได้บริจาคโลหิตเป็นจำนวน 15，000 มิลลิลิตร

　　เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมกิจกรรมการบริจาคโลหิตทุกท่าน โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าและศูนย์โลหิตได้จัดกิจกรรมพร้อมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการฆ่าเชื้อพื้นที่จัดกิจกรรมก่อนเริ่มงาน และได้แจ้งเงื่อนไขการเข้าร่วมบริจาคให้ผู้เข้าร่วมทุกท่านทราบ พร้อมกำชับแนวทางการป้องกันตนเอง โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างมิดชิด และเว้นระยะห่างระหว่างกันในขณะเข้าร่วมกิจกรรม

　　ในวันที่ 28 มีนาคม 2563 เวลา 08.30 น. ทุกคนได้เข้าร่วมกิจกรรม ณ บริเวณอาคารผู้ป่วยนอกตามที่แจ้งไว้ และทำการกรอกข้อมูล รวมถึงวัดความดันและตรวจเลือด เป็นต้น หลังจากนั้นก็สามารถเข้าร่วมบริจากโลหิตได้ตามลำดับ

　　ถึงแม้ศ.นพ.หนิวลี่จื้อ ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า จะต้องพบปะกับผู้ป่วย และทำงานหนักในทุกๆวัน แต่เมื่อทราบว่ามีการจัดกิจกรรมบริจากโลหิตขึ้น ท่านรีบเดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมโดยทันที เหล่าบุคลากรของโรงพยาบาลทุกท่านได้กล่าวกับท่านด้วยความเป็นห่วงว่า “หลังจากบริจาคโลหิตเสร็จแล้วอย่าลืมดื่มน้ำหวานนะคะ” ศ.นพ.หนิวลี่จื้อยิ้ม พร้อมกล่าวว่า “ผมบริจาคเลือดแค่ 200 มล. เท่านี้ไม่ส่งผลใดๆต่อร่างกาย ไม่เป็นไรหรอกครับ”

　　เจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัดทุกท่านล้วนทราบดีว่าโลหิตนั้นมีความสำคัญสำหรับผู้ป่วย และการผ่าตัดมากเพียงใด ในทุกๆปีจะมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากกว่าครึ่งในทีมผ่าตัดเข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิตอยู่เสมอ นพ.เหลียงปิง หัวหน้าแพทย์ผ่าตัดได้กล่าวว่า “หลังจากผมเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เริ่มบริจาคโลหิตมาตลอด หลังจากเข้าร่วมทีมที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในปี 2003 ก็บริจาคโลหิตมาตลอดทุกปี บริจาคน่าจะเกินกว่า 20 ครั้งแล้วครับ”

　　ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะยังคงอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง แต่การจัดกิจกรรมดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นว่าในสถานการณ์ที่น่ากังวลใจเช่นนี้ก็ยังมีคนหลายคนที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่จากแผนกให้คำปรึกษาเจียงลี่เหยี้ยนเป็นหนึ่งในบุคคลที่น้ำหนักเพิ่งจะผ่านเกณฑ์สามารถเข้ารับการบริจาคโลหิตได้ เธอจึงได้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งแรก แต่เนื่องจากเธอมีร่างกายที่ผอมบางทำให้เจ้าหน้าที่หลายท่านรู้สึกกังวลใจว่าเธอจะมีน้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์ แต่เธอกล่าวด้วยความหนักแน่นว่า “เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิตฉันพยายามรักษาน้ำหนักในเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้วค่ะ ทุกคนไม่ต้องกังวลใจนะคะ”

　　ในกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต บางท่านเป็นทีมแพทย์ พยายาบาลที่เพิ่งทำการตรวจคนไข้เสร็จ บางท่านเป็นกลุ่มคนที่เพิ่งเคยเข้าบริจาคครั้งแรก บางท่านเป็นคนที่บริจาคโลหิตเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้นั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ช่วยเหลือผู้ที่จำเป็นในการรับโลหิต

　　โลหิตนั้นสิ่งสำคัญในการทำการรักษา และช่วยชีวิตผู้คน อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่จำเป็นในการป้องกันและรักษาโรคระบาด ดังนั้นการบริจาคโลหิตนั้นถือว่าเป็นการช่วยเหลือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคร้ายเช่นกัน ซึ่งจากกิจกรรมในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าบุคลากรทางแพทย์ของฟูด้าทุกท่านนั้นมีความต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย และสังคมด้วยความจริงใจเสมอมา