ในค่ำคืนเวลา 23.00 น. ที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า เมืองกว่างโจว แสงไฟยังสว่างไสวท่ามกลางสถานการณ์แข่งกับความตาย ผู้ป่วยชาวอินโดนีเซียรายหนึ่งเกิดภาวะฉุกเฉินจากเนื้องอกชนิด spindle cell sarcoma บริเวณคอขวา ซึ่งลุกลามเข้ากัดกินเส้นเลือดแดงใหญ่บริเวณคอ (Carotid artery) จนเกิดการแตกและเลือดพุ่งออกอย่างรุนแรง

　　เลือดจำนวนมหาศาลพุ่งออกในเสี้ยววินาที สูญเสียมากเกือบ 1，000 มิลลิลิตร！ สัญญาณอันตรายของชีวิตดังขึ้นโดยฉับพลัน！

　　ในช่วงวินาทีคับขัน แพทย์เจีย ซินถง และพยาบาลเวร กลายเป็นกำแพงด่านแรกของผู้ป่วย ทั้งคู่รีบตรงเข้าไปกดจุดเลือดออกด้วยมือเปล่าอย่างไม่ลังเล และต้องกดอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานถึง หนึ่งชั่วโมงเต็ม ทุกวินาทีคือการนับถอยหลังของชีวิต ทุกวินาทีคือการยืนหยัดด้วยพลังใจและหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของผู้รักษาชีวิต

　　การช่วยชีวิตไม่อาจรอได้แม้แต่วินาทีเดียว ทุกแผนกที่เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลจึงระดมกำลังอย่างเร่งด่วน ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ                นายแพทย์หยาง ชิงเฟิง หัวหน้าแผนกอายุรกรรมรังสีร่วมรักษา พร้อมด้วยแพทย์ชิว หนิงหนิง รีบออกจากบ้านในยามดึกและมาถึงโรงพยาบาลทันที เพื่อเริ่มภารกิจส่งต่อชีวิต พวกเขาดำเนินการทำหัตถการอุดเส้นเลือด  เพื่อหยุดเลือดให้แก่ผู้ป่วย ในความเงียบงันของช่วงรุ่งสาง ทั้งสองใช้ความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นค้ำจุน “แสงริบหรี่แห่งความหวังแรก” ของผู้ป่วยเอาไว้

　　ในขณะเดียวกัน ห้องธนาคารเลือดของโรงพยาบาลก็ทำงานตลอดคืนเช่นกัน เลือดที่ได้จากกิจกรรมบริจาคเลือดของพนักงานครั้งที่สี่ของปีนี้ช่วยให้มีปริมาณสำรองเพียงพอสำหรับการรักษา แต่เมื่อต้องใช้เลือดกรุ๊ปพิเศษที่กำลังขาดแคลน คนขับรถของฝ่ายบริการได้อาสาในทันที “เส้นทางนี้ผมคุ้น ผมไปส่งเองครับ！”

　　เขาจับพวงมาลัยแน่นขณะขับฝ่าความมืดของเมืองในยามค่ำคืน เพื่อส่ง “เลือดหยดสำคัญ” ไปถึงอาคารผ่าตัดให้เร็วที่สุด สายส่งเลือดที่มองไม่เห็นเส้นนี้ กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเคย เพราะเกิดจากการทุ่มเทของผู้คนธรรมดาในหน้าที่ธรรมดา แต่ทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาเพื่อรักษาชีวิตหนึ่งชีวิตไว้

　　ความรัก…ไม่เคยมีเขตเวลา และยิ่งไม่เคยมีพรมแดน แม้อยู่ไกลถึงอินโดนีเซีย  ทีมแพทย์ของ ดร.หลิว เจิ้งผิง ที่อินโดนีเซีย ยังคงจับโทรศัพท์แน่นเฝ้าติดตามสถานการณ์กู้ชีพที่กว่างโจวอย่างใกล้ชิด ทุกข้อความที่ส่งข้ามพรมแดนถูกถ่ายทอดผ่านล่ามอย่างรวดเร็ว เชื่อมโยงความห่วงใยและพลังแห่งวิชาชีพของทั้งสองประเทศเข้าไว้ด้วยกัน

　　หลังการประเมินเร่งด่วนแบบสหสาขา โดยผู้อำนวยการหนิว ลี่จื้อ， ศ.เจิง จงหยวน， ผอ.ซวี จิ่วหยวน และผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลภายนอก ทีมแพทย์จึงตัดสินใจทำการใส่ covered stent (ปลอกหุ้มเส้นเลือดเทียม) เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย แผนกต่าง ๆ ทำงานประสานกันราวกับฟันเฟืองของเครื่องจักรที่เที่ยงตรง ระบบรับมือเหตุฉุกเฉินจึงเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพ ช่องทางสีเขียวสำหรับช่วยชีวิตถูกเปิดตลอดสายโดยไม่มีอุปสรรค

　　แต่แล้ว ในช่วงเวลาที่ความหวังเริ่มปรากฏ เพียงการเคลื่อนย้ายบนเตียงที่สะเทือนเล็กน้อย ความตายก็พุ่งเข้าจู่โจมอีกครั้ง เลือดออกหนักซ้ำทันที！

　　ในชั่ววินาทีคับขันหมอหวัง เจียฝู กดแผลไว้ด้วยมือทั้งสองเหมือนคีมเหล็ก ยืนนิ่งท่ามกลางเลือดที่พุ่งกระเซ็นไม่หยุด ราวกับเป็น “คีมห้ามเลือดมนุษย์”  เพื่อซื้อเวลาที่มีค่าที่สุดให้การผ่าตัด

　　มากกว่า สามชั่วโมง ที่เขากดแผลด้วยมือเปล่าอย่างไม่ขยับแม้เพียงน้อย จนกระทั่งการใส่ปลอกหุ้มเส้นเลือดเทียมสำเร็จ และชีวิตของผู้ป่วยถูกดึงกลับมาอีกครั้ง

　　เมื่อสัญญาณอันตรายของชีวิตถูกสยบลงในที่สุด ทั้งทีมแพทย์ที่กว่างโจวและครอบครัวผู้ป่วยที่อินโดนีเซียต่างผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ภายใต้การกู้ชีพยาวนานกว่า 18 ชั่วโมง ครั้งนี้ คือผลลัพธ์ของการทำงานที่ประสานกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างแผนกอายุรกรรมรังสีร่วมรักษา (Intervention)、ICU、แผนกวิสัญญี、ฝ่ายจัดซื้อ และทีมล่าม รวมถึงความร่วมแรงร่วมใจของหลายแผนกในโรงพยาบาลที่ไม่แบ่งหน้าที่ ใครอยู่ในตำแหน่งใดก็ล้วนยืนเคียงข้างกันเพื่อชีวิตเดียวกัน

　　และนี่ ไม่ใช่ครั้งแรก ของภารกิจกู้ชีวิตสุดระทึกเช่นนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ก็เกิดเหตุฉุกเฉินคล้ายกันขึ้นอีกครั้ง ผู้ป่วยชาวอินโดนีเซียที่มีเนื้องอกในช่องปากเกิดเลือดออกอย่างรุนแรงกะทันหัน วิธีห้ามเลือดทั่วไปทุกชนิดล้มเหลวทั้งหมด

　　ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต หมอหวัง เจียฝู คือคนแรกที่ก้าวขึ้นมารับสถานการณ์อีกครั้ง เขากดจุดเลือดออกด้วยมือเปล่านานกว่า สองชั่วโมง เพื่อเปิด “หน้าต่างเวลา” ให้ทีม Intervention และทีมวิสัญญีสามารถเข้าดำเนินการได้

　　หลังจากการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง 45 นาที ทีมแพทย์ก็สามารถอุดเส้นเลือดและหยุดเลือดสำเร็จ และช่วยผู้ป่วยให้ผ่านวิกฤตได้อีกครั้ง

　　บนสมรภูมิที่ไร้เสียงปืนแห่งนี้   ภายใต้เสื้อกาวน์สีขาว มิได้มีเพียงทักษะทางการแพทย์อันเชี่ยวชาญ แต่ยังมี “โล่ชีวิต” ที่ถูกสร้างขึ้นจากร่างกายและหัวใจของผู้คน มิได้มีเพียงหน้าที่ในตำแหน่งงาน แต่คือความอ่อนโยนที่ใช้ “ชีวิตหนึ่งปกป้องอีกชีวิตหนึ่ง”

　　ขอคารวะแก่ทุกคู่มือที่ไม่เคยปล่อยมือออกจากผู้ป่วย ขอคารวะแก่ทุกครั้งที่ทุกคนทุ่มสุดกำลังเพื่อพยุงชีวิตหนึ่งไว้ และนี่ คือบทบันทึกอันงดงามของทั้งโรงพยาบาลที่ร่วมกันปกป้องชีวิต ด้วยพลังแห่งความรักและหัวใจเดียวกัน

　　ปรึกษาโรคมะเร็ง

　　หากคุณต้องการทราบว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการรักษาแบบบาดแผลเล็กหรือไม่ (การรักษาด้วยความเย็น  การรักษาด้วยมีดนาโน  การรักษาเฉพาะจุดแบบอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายในการรักษา  กรุณากรอกข้อมูลผู้ป่วย เพื่อรับคำแนะนำจากทีมแพทย์มะเร็งผู้เชี่ยวชาญของเรา

รับคำแนะนำจากแพทย์