หากไม่มีฟูด้า แม่ของฉันคงไม่สามารถยืดชีวิตมาได้นานกว่า 6 ปี

　　ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้วัย 71 ปีที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า

　　“ฉันโชคดีจริงๆที่ได้เจอพวกคุณ ขอบคุณที่ดูแลฉันอย่างดีนะคะ” คุณป้าเจิง ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้วัย 71 ปี เธอทำอาชีพเลี้ยงหมูอยู่ที่มณฑลเจียงซี เมื่อหกปีที่แล้วเธอตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ และทำการรักษาด้วยความเย็นที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเดินทางมายังโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว “ฉันมาทำการรักษาแบบบาดแผลเล็กที่นี้ การรักษาแบบนี้มีบาดแผลเพียงแค่เล็กน้อย แต่ได้ผลดี มันสามารถช่วยผู้ป่วยได้อย่างมาก” คุณป้าเฉิงกล่าวด้วยความสบายใจ

　　กังวล： จากไส้ติ่งอักเสบ กลายเป็นมะเร็งลำไส้

　　ในเดือนมีนาคม ปี 2014 ป้าเจิงมีอาการปวดที่บริเวณท้องด้านล่าง ซึ่งในตอนนั้นเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น “ไส้ติ่อักเสบ” แต่หลังจากทำการผ่าตัดแล้วอาการของเธอก็ไม่ดีขึ้น อาการปวดของคุณป้าเจิงนั้นแย่ลงเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีอาการท้องผูก หลังจากได้ทำการตรวจ CT SCAN ที่บริเวณช่องท้องพบว่ามีลำไส้อุดตัน “ตอนนั้นคุณหมอก็แจ้งว่าอาจจะเป็นมะเร็งลำไส้ และแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด”  คุณป้าเจิงได้ทำการผ่าตัดลำไส้ใหญ่และต่อถุงหน้าท้อง จากผลชิ้นเนื้อพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา เชื้อมะเร็งได้ทำลายถึงเส้นประสาทและหลอดเลือด ในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้นคุณป้าเจิงได้เข้ารับการตรวจ PET/CT และพบรอยโรคตรงบริเวณด้านบนของปอดขวา คาดว่าน่าจะเป็นการแพร่กระจายของโรค เธอจึงเข้ารับการให้คีโมที่โรงพยาบาลจำนวน 6 รอบ

　　ถึงแม้จะเข้ารับการผ่าตัดและให้คีโม แต่รอยโรคที่ตรวจพบตรงบริเวณปอดก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ค่ามะเร็ง CEA 43.01 ng/ml，CA-199 692.11 U/ml ซึ่งสูงขึ้นหากเปรียบเทียบกับการตรวจครั้งแรก ทำให้ครอบครัวของเธอนั้นรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก

　　สุขใจ： ได้พบกับฟูด้าครั้งแรก

　　“ตอนนั้นหลังจากเข้ารับการผ่าตัด 1 ปี แม่ของฉันตรวจพบว่าเชื้อมะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังตับ ปอด และกระเพาะปัสสาวะ” ลูกสาวของป้าเจิงกล่าว เมื่อเห็นป้าเจิงอาการแย่ลงเรื่อยๆในทุกวัน ครอบครัวของเธอก็มีความเป็นกังวลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเดินทางไปปรึกษากับโรงพยาบาลหลายแห่งถึงแนวทางการรักษา และในที่สุดก็ได้รู้จักกับ ศ.นพ. หนิวลี่จื้อจากโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจวโดยผ่านการแนะนำของเพื่อน “เพื่อนของฉันกล่าวว่าโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าเป็นโรงพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ มีวิธีการรักษาโรคมะเร็งมากมาย ที่นี้จะต้องมีวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคุณแม่แน่นอน” คำแนะนำนี้ทำให้ครอบครัวของคุณป้าเจิงรู้สึกมีความหวังขึ้นมา และพวกเขาได้พาคุณป้าเจิงเข้ามาปรึกษาที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้านเดือนพฤกษภาคม ปี 2016

　　ศ.นพ. หนิวลี่จื้อและผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นได้รีบดำเนินการประชุมและวางแผนการรักษาตามอาการของคุณป้าเจิง ในวันที่ 17 พฤกษภาคมคุณป้าเจิงได้เข้ารับการรักษาด้วยความเย็นตรงบริเวณก้อนเนื้อในตับ ในวันที่ 25 ได้ทำการฝังไอโอดินกำมันตรังสีตรงบริเวณปอดด้านขวาที่มีการแพร่กระจายของโรค หลังจากเข้ารับการรักษา คุณป้าเจิงอาการดีขึ้นอย่างมาก “ตอนนั้นพวกเราต้องอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 20 วัน ทำการรักษาไป 2 ครั้ง เวลาที่ออกจากโรงพยาบาลอาการของคุณแม่ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว” ลูกสาวของคุณป้าเจิงรู้สึกขอบคุณทีมแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นอย่างมาก เธอกล่าวว่าเนื่องจากสามารถควบคุมเชื้อมะเร็งได้ ในช่วงไม่กี่ปีนี้คุณแม่ของเธออาการดีขึ้นเป็นอย่างมาก  คุณป้าเจิงได้พักผ่อนที่บ้านและเดินทางไปตรวจตามปกติเป็นเวลาถึง 6 ปี ช่วงนี้เธอมีงานอดิเรกเพิ่มขึ้นมาคือการเต้น ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนอย่างมาก “ถ้าหากไม่มีฟูด้า แม่ของฉันก็คงไม่สามารถยืดอายุมาได้นานกว่า 6 ปีหรอก” เธอกล่าว เนื่องจากผลการรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก คุณป้าเจิงและครอบครัวจึงอยากให้คนไข้ท่านอื่นๆได้รับโอกาสในการเข้ารับการรักษาที่ดีเช่นนี้บ้าง

　　อบอุ่นใจ： กลับมายังฟูด้าอีกครั้ง

　　ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ปี 2020 คุณป้าเจิงมีอาการไอเป็นเลือด แต่เพื่อไม่ต้องการให้ลูกสาวรู้สึกกังวลใจเธอจึงปกปิดไม่ได้บอกเรื่องนี้กับครอบครัว แต่เนื่องจากอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ที่บ้านของเธอทราบอาการดังกล่าว “เนื่องจากมีประสบการณ์มาก่อน พวกเราจึงกังวลเรื่องความล่าช้าในการรักษา” ลูกสาวของคุณป้าเจิงกล่าวด้วยความเศร้า ในวันที่ 30 มิถุนายนคุณป้าเจิงได้เข้ารับการตรวจ CT ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการเจริญเติบโตของก้อนเนื้อตรงบริเวณกลีบปอดด้านขวาและต่อมน้ำเหลืองบริเวณขั้วปอด รวมถึงมีการแพร่กระจายของเส้นใยตรงบริเวณปอดทั้งสองข้าง คุณป้าเจิงตัดสินใจเดินทางกลับมารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจวโดยไม่มีความลังเลใดๆทั้งสิ้น เธอและครอบครัวเดินทางมาถึงโรงพยาบาลในวันที่ 6 กรกฎาคม ศ.นพ.หนิวลี่จื้อได้เดินทางไปพบกับคุณป้าเจิงและครอบครัว พร้อมจับมือเป็นการให้กำลังใจ

　　ในวันที่ 9 กรกฎาคม คุณป้าเจิงได้ทำการตรวจร่างกายและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมาที่กลับมาเป็นซ้ำหลังจากเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งนับว่าอยู่ในระยะที่ 4 cT2NxM1 กระจายไปยังปอดทั้งสองข้างและตับ จากผล CT แสดงให้เห็นก้อนเนื้อที่บริเวณในปอดขนาดประมาณ 5.7*5.1*5.0 ซม. หลังจากนั้นทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการวางแผนการรักษาให้กับคุณป้าเจิงจากอาการครั้งล่าสุด ในวันที่ 13 กรกฎาคม คุณป้าเจิงได้เข้ารับการรักษาด้วยความเย็นใต้ภายการนำทางของเครื่อง CT เพื่อทำลายก้อนเนื้อเฉพาะจุด หลังจากเข้ารับการรักษาอาการของคุณป้าเจิงก็ดีขึ้น “คุณแม่ของฉันเป็นโรคมะเร็งลำไส้ที่มีการแพร่กระจายไปยังปอดมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว เธอคิดว่าโรคนั้นสามารถควบคุมได้แล้ว จึงเดินทางไปตรวจซ้ำในทุกปีเท่านั้นไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก” ลูกสาวของคุณป้าเจิงกล่าวว่าเนื่องจากลูกๆไม่ได้อาศัยอยู่กับคุณป้าเจิง จึงไม่สามารถทราบอาการที่แน่นอนของคุณแม่ได้ เธอไม่คาดคิดว่าก้อนเนื้อจะกลับมาโตขึ้นขนาดนี้

　　เมื่อเปรียบเทียบกับคนไข้ท่านอื่น คุณป้าเจิงรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีมากที่ได้พบกับโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า บุคลากรทางการแพทย์ที่นี้ดูแลผู้ป่วยได้ดีอย่างมาก “พวกเขาน่าเชื่อถือ และมีความรอบครอบอย่างมาก พวกเราแจ้งรายละเอียดทุกอย่างที่คนไข้ควรจะทราบ” ลูกสาวของคุณป้าเจิงกล่าวว่าภาษาจีนกลางของคุณแม่นั้นค่อนข้างหนักสำเนียงเจียงซีท้องถิ่น ทำให้บางทีอาจจะยากที่จะเข้าใจ แต่เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ของที่นี้ก็ไม่ได้ละเลยในส่วนนี้ พวกเขาจะพูดช้าๆชัดๆให้คุณแม่เข้าใจได้ง่ายขึ้น “เมื่อคืนหลับสบายไหมคะ” “วันนี้ทานอาหารเช้าอะไรคะ” “คุณป้าต้องระวังในเรื่อง....” การพูดคุยทักทายต่างๆทำให้คุณป้าเจิงรู้สึกมีกำลังใจขึ้นอย่างมาก และในที่สุดคุณป้าเจิงก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆจนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้