ในปัจจุบัน ในทางภาคเหนือของจีนกำลังเริ่มต้นฤดูหนาว ในขณะที่ทางภาคใต้ก็เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ ในฤดูที่แตกต่างกันนี้ทำให้ผู้คนเองก็มีความคิดแตกต่างกัน "ทุกครั้งที่ฉันไปโรงพยาบาลฉันจะถูกห้อมล้อมด้วยความรัก ถ้าฉันไม่ได้รับความเมตตาความช่วยเหลือจากทุกคนที่คอยช่วยเหลือฉัน ฉันอาจจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในวันนี้ ฉันรู้สึดดีใจมากที่ได้เจอพวกเขา" นี่เป็นน้าเซี่ย ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ตรงจากฮ่องกงกล่าวขอบคุณทีมแพทย์จากโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว และเล่าเรื่องราวความประทับใจระหว่าแพทย์และผู้ป่วยให้เราฟัง

　　ปฎิสธการรักษาที่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวดทรมาน

　　เมื่อปีที่แล้วในสายตาของญาติและเพื่อนฝูง เธอเป็นผู้อาวุโสที่มีสุขภาพดีและมีน้ำใจ ทุกครั้งที่เธอออกไปทุกคนจะเห็นรอยยิ้มที่ใจดีของเธอ แต่การตรวจร่างกายเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทำให้เธอตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิต

　　ในช่วงเช้าของเดือนกรกฎาคมปี 2017 เธอไม่สามารถอดทนกับอาการปวดท้องของเธอได้ จึงเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลในฮ่องกง พบว่าเจอเนื้องอกขนาด 3*3 cm เพื่อเป็นการยืนยันชนิดของก้อนเนื้อ เธอต้องเดิอนทางไปอีกโรงพยาบาลหนึ่งและทำการตรวจชิ้นเนื้อ หนึ่งสัปดาห์ต่อมาถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ตรง  แพทย์วางแผนการรักษาให้เธอทำการผ่าตัดสองครั้ง ครั้งที่หนึ่งคือผ่าตัดเปิดหน้าท้องเอาก้อนเนื้องอกออกแล้วทำถุงหน้าท้องชั่วคราว การผ่าตัดครั้งที่สองคือเอาถุงหน้าท้องออกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อนผ่าตัดต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฉายแสง 25 ครั้ง และการทำคีโมอีก 6 ครั้ง เพื่อช่วยลดขนาดเนื้องอก หลังจากฟังคำแนะนำอย่างละเอียดจากแพทย์แล้ว เธอกลัวอย่างยิ่งที่จะเหมือนเพื่อนที่เป็นมะเร็งรอบๆตัวเธอ หลังจากทำการฉายแสงและให้คีโมแล้ว ผมจะค่อยๆร่วงหายไป ตัวจะผอมทรุด ยิ่งคิดไปเธอยิ่งกลัวจึงปฎิเสธการรักษาไป เธอบอกแพทย์ว่าเธอตั้งใจจะไม่รับการรักษาด้วยการฉายแสงและคีโม แต่เธอเต็มใจจะระงับอาการปวดด้วยยาเท่านั้น ด้วยความสิ้นหวัง เธอเลือกการรักษาด้วยวิธีการทานยาจีน หลังจากทานได้ 8 ครั้ง เธอรู้สึกร่างกายแย่ลง จึงหยุดทานยาจีน เธอถูกย้ายจากความสิ้นหวังครั้งแรก ไปสู่ความสิ้นหวังครั้งที่สอง เธอกล่าวว่า “แพทย์แผนตะวันตกช่วยไม่ได้ แพทย์แผนจีนก็ช่วยไม่ได้ ชีวิตของฉันจะสิ้นสุดแบบนี้แล้วหรอ”

　　ยอมรับการพลิกผลัน

　　เมื่อเธอหมดหวังกับชีวิตของเธอ เพื่อนของเธอแนะนำว่าให้เธอติดต่อกับอาจารย์จงจื่อเหม่ย เธอจำได้ทันทีว่าเมื่อสองสามปีก่อนอาจารย์จงจื่อเหม่ย บอกเธอเกี่ยวกับโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากวางโจว ในเครือมหาวิทยาลัยจี้หนาน เธอยังจำเพื่อนที่แบ่งปันประสบการณ์ของเธอในการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในเครือมหาวิทยาลัยจี้หนานได้ดี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอพยายามหาจ้อมูลของโรงพยาบาลทันที และรวมไปถึงข้อมูลเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยในโรงพยาบาลด้วย เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่เมื่อเธอบอกความคิดของเธอกับเพื่อนๆ เพื่อนๆของเธอต่างบอกว่าเทคโนโลยีของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ได้ดีไปกว่าฮ่องกงซักเท่าไร หลังจากฟังคำตักเตือนของเพื่อนๆทำให้เธอกลับมากังวลอีกครั้ง เธอตัดสินใจโทรมาปรึกษาที่โรงพยาบาลและรู้ว่า กำลังจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลบินมาให้คำปรึกษาถึงที่ฮ่องกง เธอจึงรีบเตรียมเอกสารผลตรวจทั้งหมดที่มีเข้าไปปรึกษาคุณหมอทันที หลังจากเธอได้เข้าปรึกษากับแพทย์โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว เธอบอกความต้องการของเธอแก่แพทย์ทันที อย่างแรกคือไม่ต้องการให้คีโมเพราะกลัวถึงผลข้างเคียงที่จะได้รับ และอย่างที่สอง เธอไม่ต้องการผ่าตัดต่อถุงหน้าท้อง แพทย์รับฟังเธออย่างตั้งใจ และวางแผนการรักษาให้เธอว่า “สามารถให้คีโมเฉพาะจุดได้ ลดผลข้างเคียงให้น้อยลง และการผ่าตัดจำเป็นต้องทำ แต่จะต้องทำแบบต่อถุงหน้าท้องหรือไม่นั้น ผู้ป่วยต้องเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าก่อนเพื่อความแน่ใจ” คำปรึกษาที่ดูจริงจังและดูมีความรับผิดชอบนี้ได้จุดประกายความหวังของเธออีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว

　　คีโมเฉพาะจุด และการรักษาด้วยแสงจำเพาะเห็นผลอย่างมหัสจรรย์

　　เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2017 หลังจากได้รับคำปรึกษาอย่างจริงจังจากรองผู้อำนายการโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า ศ.นพ. หนิวลี่จื้อ และผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาหลายคนยืนยันว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำถุงหน้าท้องซึ่งทำให้เธอมีความสุขมาก เธอตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าทันทีในช่วยสิ้นปี 2017 เธอทำการรักษากับโรงพยาบาลทั้งหมด 5 ครั้ง ที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2017 หลังจากการตรวจติดตามผลพบว่าเนื้องอกมีขนาดหดเล็กลง และค่ามะเร็งลดลงสู่ระดับปกติ ศ.นพ.หนิวลี่จื้อแจ้งว่า เนื้องอกถูกควบคุมไว้แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด เธอจับมือ ศ.นพ. หนิวลี่จื้อ อย่างตื่นเต้นและกล่าวขอบคุณอย่างตื้นตันใจ

ผลตรวจก่อนการรักษา

　　หลังจากกลับมาที่ฮ่องกง เธอได้ทำการตรวจติดตามผลกับแพทย์ที่ฮ่องกง ประโยคแรกที่แพทย์ที่ฮ่องกงพูดคือ “ผลตรวจจากจีนแผ่นดินใหญ่นั้นอาจไม่น่าเชื่อถือ คุณไม่ควรเชื่อใจพวกเขามากเกินไป มีการตรวจผิดพลาดหลายครั้งจากประเทศจีน”  หลังจากนั้นเธอได้ทำการตรวจเลือดและทำการตรวจ PET SCAN อีกครั้ง แพทย์ฮ่องกงรู้สึกประหลาดใจ ที่เห็นผลตรวจมะเร็งในลำไส้ส่วนปลายของเธอหดตัวลงอย่างมากและค่ามะเร็งลดลงสู่ระดับปกติ เมื่อแพทย์ทราบว่า เธอได้รับการให้คีโมเฉพาะจุดและการรักษาด้วยแสงจำเพาะจากประเทศจีน เขากล่าวว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าระดับทางการแพทย์ของโรงพยาบาลในประเทศจีนจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้

　　การให้ยาคีโมเฉพาะจุดที่เธอได้เดินทางไปทำทุกครั้งที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าคือการให้ยาคีโมผ่านหลอดเลือดแดงที่เข้าไปหล่อเลี้ยงเนื้องอกโดยตรง ทำให้ตัวยาไม่มีการไปโดนเส้นเลือดเส้นอื่น และผลข้างเคียงน้อยต่อทั้วร่างกาย ความเข้มข้นสูงของอนุภาคยา จะสะสมในบริเวณเนื้องอกและทำลายเซลล์มะเร็งในที่สุด

ผลตรวจหลังการรักษา

　　กล่าวขอบคุณโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า

　　ปันจุบันนอกจากเธอจะกลับมาอยากอาหารเป็นปกติแล้ว เธอยังสามารถออกกำลังกายได้ในทุกๆเช้า เธอกล่าวว่า “ผลการรักษาจากโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า อยู่เหนือความคาดหมายของฉันมาก ฉันรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง หลังทำการรักษาน้ำหนักฉันเพิ่มขึ้นเกือบ 3 กิโล ฉันขอบคุณการตัดสินใจที่เด็ดขาดของตัวเอง ไม่ลังเลที่จะตัดสินใจมารักษาที่นี่ ฉันไม่เคยรู้สึกว่าอยู่คนเดียวในโรงพยาบาล ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและพยาบาลทุกคนดูแลฉันเหมือนคนในครอบครัว” นอกจากนี้เธอยังขอบคุณโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าที่ช่วยเธอ และเธอยังบริจาคเงินอีก 100，000 หยวน ที่เก็บไว้ผ่าตัดในตอนแรกให้กับโรงพยาบาลด้วย เธอหวังว่าผู้ป่วยมะเร็งคนอื่นๆจะได้รับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า

　　ผู้ป่วยที่เดินทางมายังโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในแต่ละครั้ง เหมือนเดินทางมายังดวงดาวแห่งความหวัง แสงแห่งความหวังนี้จะส่งไปยังผู้ป่วยมะเร็งทุกคน และหวังว่าผู้ป่วยมะเร็งทุกรายจะโชคดีเหมือนน้าเซี่ยที่ได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว

　　ตลอดทั้งปีที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำการคอยรักษาผู้ป่วยอยู่ตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร ทีมแพทย์ก็จะยืนหยัดทำการรักษาผู้ป่วยด้วยความจริงใจ และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเสมอ