เมื่อเร็วๆ นี้ นาดา (นามสมมติ) ได้กลับมาที่โรงพยาบาลเพื่อเริ่มการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดรอบที่ 9 นับเป็นเวลา 5 ปีแล้วนับตั้งแต่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา(Melanoma) ซึ่งเป็นเนื้องอกร้ายแรงที่เกิดจากการเพิ่มจำนวนผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสีผิว การผ่าตัดเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม แม้หลังจากการผ่าตัดเอารอยโรคออกแล้ว ผู้ป่วยหลายรายยังคงประสบกับการกลับมาเป็นซ้ำและการแพร่กระจาย แล้วเราควรจัดการกับการ "กลับมา" นี้อย่างไร？

　　มะเร็งผิวหนังที่พัฒนาจากรอยโรคบนผิวหนัง

　　นาดา ชาวมาเลเซีย สังเกตเห็นก้อนบนแก้มขวาของเธอครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2019 แพทย์บางคนคิดว่าเป็นสิว ในขณะที่คนอื่นๆ สงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งผิวหนัง อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ก้อนนั้นก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น ตามคำแนะนำของแพทย์ นาดาได้รับการผ่าตัด และผลพยาธิวิทยาหลังการผ่าตัดบ่งชี้ว่าเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา

　　เพื่อควบคุมการลุกลามของเนื้องอก นาดาได้รับการฉายรังสีมากกว่า 30 ครั้งและการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดเกือบ 20 ครั้ง เธอรู้สึกดีใจมาก เมื่อผลการตรวจ PET-CT ในปี 2021 และ 2022 ไม่พบร่องรอยของเนื้องอก แต่น่าเสียดายที่ข่าวดีนั้นไม่ได้คงอยู่นาน การตรวจติดตามในต้นปี 2023 พบว่ามีเนื้องอกที่แพร่กระจายหลายก้อนในตับของเธอ ข่าวนี้ทำให้นาดายอมรับได้ยาก แต่เธอยืนกรานที่จะรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

　　นาดาได้รับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดหลายรอบ แต่ผลลัพธ์ก็น่าผิดหวัง แม้จะเปลี่ยนไปใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดหลากหลายชนิด แต่การแพร่กระจายไปยังตับก็ไม่สามารถควบคุมได้และยังคงเติบโตต่อไป การลุกลามของเนื้องอกทำให้ท้องของเธอบวมขึ้นจนมีขนาดเท่ากับการตั้งครรภ์ 6-7 เดือน พร้อมกับอาการบวมน้ำทั่วร่างกาย หายใจลำบาก และนอนไม่หลับ ครอบครัวของเธอจึงพยายามขอความช่วยเหลือจากแพทย์ทั่วทุกสารทิศ โดยรู้ดีว่าการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องมีวิธีการรักษาแนวใหม่

　　การย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในกว่างโจว

　　"ทำไมไม่ลองใช้คีโมเฉพาะจุดดูล่ะ？" นาดาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการรักษาแบบนี้ในมาเลเซียมาก่อน เพื่อนคนหนึ่งบอกเธอเกี่ยวกับโรงพยาบาลมะเร็งระดับชาติแห่งหนึ่งในประเทศจีน ซึ่งมีชื่อเสียงด้านเทคนิคเฉพาะทางที่อาจเป็นทางออกให้กับเธอได้ เนื่องจากลุงและเพื่อนของเธอเคยได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในกว่างโจวและมีอาการดีขึ้น เธอจึงตัดสินใจลองดู

　　ผ่านทางหัวหน้าสำนักงานของโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในมาเลเซีย นาดาได้ติดต่อกับ ศาสตราจารย์หนิว ลี่จื้อ หลังจากการปรึกษาออนไลน์และได้รับแผนการรักษาเบื้องต้น เธอและสามีจึงเดินทางมาประเทศจีนในเดือนมีนาคม 2024 เพื่อรับการรักษาที่แผนกอายุรกรรม 3 ของโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า

　　เมื่อเข้ารับการรักษา ผลการตรวจพบว่าตับของนาดามีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมากและผิดรูป มีเนื้องอกที่แพร่กระจายหลายก้อนกดทับเส้นเลือดและอวัยวะโดยรอบ รวมถึงเส้นเลือดดำของตับ เส้นเลือดดำใหญ่ส่วนล่าง และเส้นเลือดพอร์ทัล รวมทั้งท่อน้ำดี ทำให้เกิดการยึดเกาะ นอกจากนี้ยังพบต่อมน้ำเหลืองโตในหลายบริเวณ

　　จากสภาพของนาดา ทีมแพทย์จึงรีบจัดการประชุมปรึกษาและพัฒนาแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

　　เพื่อแก้ไขภาวะตับทำงานผิดปกติที่เกิดจากเนื้องอก      พวกเขาให้การรักษาเพื่อปกป้องตับและลดอาการดีซ่าน

　　เพื่อรักษาการแพร่กระจายไปยังตับหลายตำแหน่ง      พวกเขาทำการรักษาแบบผ่านสายสวน -      การให้เคมีบำบัดผ่านหลอดเลือดแดงร่วมกับการอุดหลอดเลือด (TACE) ร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัดผ่านหลอดเลือดแดงของตับ (HAIC) เป็นการรักษาแบบประคับประคองเพื่อต่อต้านเนื้องอก

　　เมื่อเทียบกับเนื้อเยื่อตับปกติ เนื้องอกในตับมักได้รับเลือดจากหลอดเลือดแดงของตับ จากหลักการนี้ ทีมแพทย์จึงสอดสายสวนขนาดเล็กเข้าไปในหลอดเลือดแดงของตับ ส่งสารอุดหลอดเลือดและยาเคมีบำบัดเข้าไปยังแหล่งจ่ายเลือดของเนื้องอกโดยตรงผ่านการให้เคมีบำบัดผ่านหลอดเลือดแดงร่วมกับการอุดหลอดเลือด เทคนิคนี้ทำให้เนื้องอกขาดเลือด โดยตัดการจ่ายเลือดให้กับมัน ส่งผลให้เซลล์มะเร็งตายจากการขาดเลือดและออกซิเจน จากนั้นจึงฉีดยาเคมีบำบัดเข้าไปในเนื้อเยื่อของเนื้องอกเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่การตายของเนื้องอก

　　การให้ยาเคมีบำบัดผ่านหลอดเลือดแดงของตับเป็นรูปแบบหนึ่งของการให้เคมีบำบัดเฉพาะที่ โดยใช้สายสวนขนาดเล็กมากสอดเข้าไปในหลอดเลือดแดงหลักที่จ่ายเลือดให้กับเนื้องอกในตับอย่างเจาะจง ยาเคมีบำบัดจะถูกให้อย่างต่อเนื่องเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่จ่ายเลือดให้กับเนื้องอก วิธีนี้หลีกเลี่ยงการเจือจางของยาเคมีบำบัดทั่วร่างกายอย่างที่พบในการให้เคมีบำบัดทางหลอดเลือดดำแบบดั้งเดิม และลด "first-pass effect" ในตับ จึงช่วยลดผลข้างเคียงลงได้ การผสมผสานเทคนิคทั้งสองนี้สร้างผลเสริมฤทธิ์กัน ทำให้มีทางเลือกมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับ

　　ในช่วงนี้ ยังมีการผสมผสานการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อกระตุ้นและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมและทำลายเซลล์มะเร็ง

　　นาดาเล่าว่าหลังจากการรักษาแบบผ่านสายสวนครั้งแรก แม้ว่าอาการบวมน้ำยังคงอยู่ แต่สภาพของเธอค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อถึงการรักษาครั้งที่สี่ เธอไม่ได้ทุกข์ทรมานมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจุบัน อาการบวมน้ำของเธอลดลง และอาการท้องอืดก็บรรเทาลง ผลการตรวจติดตามไม่พบสัญญาณของการกลับมาเป็นซ้ำที่ด้านขวาของใบหน้า และเนื้องอกที่แพร่กระจายไปยังตับบางส่วนมีขนาดเล็กลง

　　"นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก" สำหรับนาดาและสามีของเธอ เทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์ การทำงานเป็นทีมที่ใกล้ชิด และการบริการที่ใส่ใจของโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า คือสิ่งที่นำมาซึ่งความสุขในปัจจุบันของพวกเขา

　　นาดาถึงกับเขียนจดหมายขอบคุณ โดยระบุว่า： "จากการที่ต้องถูกเข็นเข้าโรงพยาบาลด้วยรถเข็น จนถึงตอนนี้ที่ฉันสามารถเดินออกไปได้ด้วยตัวเอง สิ่งนี้สะท้อนถึงมาตรฐานทางการแพทย์ของโรงพยาบาล สำหรับฉัน พวกคุณคือ 'โรงพยาบาลระดับ A' ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล ล่าม หรือพนักงานทำความสะอาด ทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง คอยให้กำลังใจฉันตลอดเวลา และทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้กำลังรับการรักษา แต่กำลังเพลิดเพลินกับเวลาที่อยู่กับพวกคุณ ก่อนหน้านี้ ฉันเต็มไปด้วยความเศร้า แต่ตอนนี้ฉันมีความสุข ขอบคุณสำหรับการอุทิศตนของพวกคุณ"

　　ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม：

　　คีโมเฉพาะจุด โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว

　　https://youtu.be/7eIgk8l9SaE

　　ปรึกษาโรคมะเร็ง

　　หากคุณต้องการทราบว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการรักษาแบบบาดแผลเล็กหรือไม่ (การรักษาด้วยความเย็น  การรักษาด้วยมีดนาโน  การรักษาเฉพาะจุดแบบอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายในการรักษา  กรุณากรอกข้อมูลผู้ป่วย เพื่อรับคำแนะนำจากทีมแพทย์มะเร็งผู้เชี่ยวชาญของเรา

รับคำแนะนำจากแพทย์

　　#มะเร็งผิวหนัง #คีโมเฉพาะจุด #ภูมิคุ้มกันบำบัด