• ปรึกษาหมอมะเร็งฟรี
  • วิธีการรักษาแบบใหม่
  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • เรื่องราวของผู้ป่วย
หน้าหลัก / เรื่องราวของผู้ป่วย

วัยเพียง 23 กลับพบมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ฟูด้ารักษาสำเร็จด้วยเคมีบำบัดและยามุ่งเป้า

None

Author:NoneFrom:FUDA

ny12_193800.png


  ก้อนที่เต้านม → มะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย

  เธอชื่อเสี่ยวสวี่ เพิ่งฉลองวันเกิดครบ 23 ปีไปไม่นาน แต่ในเดือนมิถุนายน 2024 เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย จริงๆ แล้ว ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 เสี่ยวสวี่มีก้อนแข็งที่เต้านมขวา แต่ไม่มีอาการเจ็บชัดเจน เธอจึงไม่ได้สนใจมากนัก

  พอถึงปี 2024 เธอเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก เจ็บหลัง และเจ็บชายโครง ตอนนั้นเธอเพิ่งเริ่มออกกำลังกาย พ่อแม่จึงคิดว่าเป็นแค่อาการกล้ามเนื้อล้าหรือกรดแลกติกสะสม แต่หลังจากนั้น อาการเจ็บปวดกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีไข้ซ้ำๆ เธอจึงไปโรงพยาบาลในท้องถิ่นตรวจร่างกาย จึงพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมที่เต้านมขวา มีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ขวา และบริเวณเหนือกระดูกไหปลาร้าซ้าย กระจายไปหลายจุดในกระดูกและยังลุกลามไปที่ตับ ผลชิ้นเนื้อระบุว่าเป็นมะเร็งเต้านมแบบลุกลามออกนอกท่อน้ำนม( invasive ductal carcinoma ,IDC) ระยะที่ 4

image.png


  “ตอนแรกพ่อแม่ฉันไม่ยอมบอกฉัน เพราะกลัวว่าฉันจะรับไม่ได้”

  จนกระทั่งเสี่ยวสวี่เริ่มเจ็บกระดูก นอนไม่พอ และมีไข้ซ้ำ ๆ เธอถึงได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอาการของตัวเอง และก็เป็นอย่างที่พ่อแม่คาดไว้ เธอรับไม่ได้จริง ๆ ที่อายุยังน้อยขนาดนี้แต่กลับถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

  มะเร็งเต้านมไม่ใช่ "โรคเฉพาะของคนวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ"

  แม้อายุ 45–55 ปีจะเป็นช่วงที่ผู้หญิงในจีนมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงวัยหนุ่มสาวจะปลอดภัย ในทางคลินิก มีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมวัยหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยเหมือนเช่นกรณีของเสี่ยวสวี่ แล้วทำไมคนอายุน้อยจึงยังเป็นมะเร็งเต้านมได้?

  นอกจากปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว การเพิ่มขึ้นของมะเร็งเต้านมในผู้หญิงอายุน้อยยังมีความสัมพันธ์อย่างมากกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน เช่น การนอนดึกต่อเนื่อง ความเครียดจากการทำงาน การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การขาดการออกกำลังกาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายเสียสมดุล และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม

  สำหรับเสี่ยวสวี่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเธอไม่ค่อยดีนัก เช่น ความเครียดจากการทำงานสูง กลับบ้านทุกวันตอนประมาณ 5 ทุ่ม แทบไม่ได้กินข้าวที่บ้าน มักสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากิน

  นอนดึก มักจะเข้านอนตีหนึ่งตีสอง อารมณ์ไม่ค่อยดี และทะเลาะกับพ่อแม่อยู่บ่อยครั้ง เมื่อปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สะสมมากขึ้น ก็ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมในที่สุด

  คำแนะนำ ผู้หญิงวัยหนุ่มสาวควรรักษาพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการกินให้ดี หลีกเลี่ยงความเครียดที่ไม่จำเป็น

  เนื่องจากพ่อแม่ของเสี่ยวสวี่ไม่มีความรู้มากเกี่ยวกับโรคมะเร็ง จึงต้องค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตัวเอง และปรึกษาแพทย์หลายที่ จนสุดท้ายเสี่ยวสวี่ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ โดยใช้การรักษาด้วยยามุ่งเป้า (targeted therapy) ร่วมกับการรักษาด้วยฮอร์โมน(endocrine therapy)

  ระหว่างการรักษา ผลตรวจติดตามแสดงว่าก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลง แต่ด้วยความที่ยังอายุน้อย และยังไม่ได้แต่งงานหรือมีลูก หลังรับการรักษาไป 4 คอร์ส เสี่ยวสวี่จึงเลือกหยุดการรักษาต่อ และหันมาใช้แพทย์แผนจีนเพื่อปรับสมดุลพลังในร่างกาย และเสริมภูมิคุ้มกันแทน

  การรักษาแบบบูรณาการทางอายุรกรรม – ต่อสู้กับก้อนมะเร็งหลายแห่ง

  เมื่อต้นปี 2025 อาการของเสี่ยวสวี่แย่ลงมาก เธอมีไข้ซ้ำ ๆ ปวดหลังและเอวรุนแรงขึ้น จนถึงขั้นต้องใช้รถเข็นเวลาจะออกจากบ้าน อาการเหล่านี้ทำให้พ่อแม่ของเธอเริ่มตระหนักว่า การพึ่งแค่ยาจีนอาจไม่เพียงพอ หลังจากสอบถามข้อมูลจากหลายแห่ง

  พวกเขาจึงนัดหมายเข้าพบอาจารย์แพทย์ หนิว ลี่จื้อ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า เมืองกว่างโจว และในเดือนกุมภาพันธ์ เสี่ยวสวี่ก็เข้ารับการรักษาในแผนกอายุรกรรมที่ 4

  “มีก้อนเนื้องอกที่มีค่ามะเร็งสูงบริเวณเต้านมด้านขวา, มะเร็งกระจายไปหลายจุดในกระดูก, และแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองหลายแห่ง...”

  เมื่อผู้อำนวยการหนิว ลี่จื้อ และคุณหมอ หยาง ถิง ซึ่งเป็นแพทย์ผู้ดูแลหลักของเธอ เห็นเสี่ยวสวี่เดินเข้าห้องตรวจโดยมีพ่อแม่ช่วยพยุง ทั้งคู่รู้สึกสงสารเธออย่างมากหลังจากรับฟังอาการ พวกเขาหวังว่าจะสามารถช่วยให้เสี่ยวสวี่กลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง ผ่านการรักษาเฉพาะบุคคลที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์

  วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อควบคุมมะเร็งทั่วร่างกาย

  โดยอ้างอิงจากประวัติทางการแพทย์ของเสี่ยวสวี่และผลตรวจทางพันธุกรรม หลังจากทีมแพทย์หลายสาขาประเมินร่วมกัน และได้รับความยินยอมจากเธอและครอบครัว ทีมแพทย์จึงจัดทำแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลเพื่อต้านเนื้องอกดังนี้

  1. ใช้เคมีบำบัดร่วมกับยามุ่งเป้า เพื่อควบคุมก้อนมะเร็งทั่วร่างกาย

  2. สำหรับก้อนมะเร็งที่เต้านมขวา จะเลือกใช้การรักษาแบบผ่าตัดผ่านกล้อง (Minimally Invasive Surgery (MIS)) เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

  3. สำหรับการแพร่กระจายไปยังกระดูกทั่วร่างกาย ใช้ยา Denosumab (ยาป้องกันการสลายกระดูก) เพื่อดูแลกระดูก

  4. สำหรับก้อนมะเร็งที่กระดูกสันหลังช่วงอกและเอว ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรงลง  เนื่องจากเสี่ยวสวี่และครอบครัวปฏิเสธการฉายรังสี ทีมแพทย์จึงดำเนินการรักษาด้วยยาต้านมะเร็งแบบอายุรกรรมต่อเนื่อง ร่วมกับการรักษาบรรเทาอาการ

  ความคืบหน้าของการรักษา

  หลังคอร์สที่ 1 ก้อนมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองรักแร้ข้างขวาลดขนาดลงชัดเจน อาการ   ปวดกระดูกดีขึ้น และเสี่ยวสวี่สามารถลุกเดินได้โดยใช้เสื้อพยุงหลัง

  หลังคอร์สที่ 2 อาการปวดหลัง ปวดเอว และเจ็บกระดูกอกลดลงอย่างชัดเจน

  หลังคอร์สที่ 3 ค่าบ่งชี้มะเร็งกลับเข้าสู่ค่าปกติ ก้อนที่เต้านมอ่อนตัวลงและ  มีขนาด  เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด

  หลังคอร์สที่ 5 ก็ได้รับข่าวดีอย่างน่าตื่นเต้น บริเวณที่เคยเป็นก้อนมะเร็งและมีค่ามะเร็งสูงทั่วร่างกาย ลดลงและหายไปอย่างเห็นได้ชัด  ทั้งก้อนมะเร็งต้นกำเนิดที่เต้านม การแพร่กระจายไปยังกระดูกหลายแห่ง และต่อมน้ำเหลือง  ทุกจุดมีขนาดเล็กลงอย่างมาก บางจุดหายไปโดยสิ้นเชิง และการทำงานของเซลล์มะเร็งเกือบทั้งหมดถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์

  

image.png
image.png

  เปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษา


  เมื่อได้รับผลการตรวจที่ยืนยันว่าก้อนมะเร็งได้ยุบตัวลง เสี่ยวสวี่และครอบครัวต่างตื้นตันใจอย่างมาก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอสวมกอดคุณหมอหยาง ถิง แพทย์เจ้าของไข้ของเธอแน่น และกล่าวคำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า

  สำหรับพวกเขา คำพูดอ่อนโยนและการดูแลที่อบอุ่นจากคุณหมอหยางในทุกครั้งที่พบกัน คือสิ่งที่ช่วยปลอบโยนใจและขจัดความเจ็บปวดรวมถึงความมืดมนของโรคนี้ไปได้

  เพราะมีทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพของโรงพยาบาลฟูด้าที่ร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ เพราะมีแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลและแม่นยำ ที่แผนกอายุรกรรมที่ 4 ได้วางไว้ และเพราะมีความทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน เสี่ยวสวี่จึงสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และกลับมาสัมผัสกับชีวิตที่มีสุขภาพดีอีกครั้ง

  


image.png


image.png

จดหมายขอบคุณอย่างสุดซึ้งจากเสี่ยวสวี่สู่ทีมแพทย์


  แม้การฟื้นตัวในช่วงเวลานี้จะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง แต่เราก็ต้องมีสติและตระหนักว่า การป้องกันและรักษาโรคเป็นสงครามระยะยาว เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ หรือการลุกลามของโรค เสี่ยวสวี่และครอบครัวยังคงต้องระมัดระวัง ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เข้ารับการรักษาต่อเนื่องให้ครบตามแผน และตรวจติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ ทัศนคติเชิงบวกและมองโลกในแง่ดี คือรากฐานสำคัญของการรักษาที่มีประสิทธิภาพและการดูแลสุขภาพในระยะยาว การเปลี่ยนความดีใจจากการหายป่วยในวันนี้ ให้กลายเป็นแรงผลักดันในการมีวินัยในการดูแลสุขภาพด้วยวิธีที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ และการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น จึงจะทำให้สามารถมีสุขภาพแข็งแรงและสงบสุขไปได้ในระยะยาวอย่างแท้จริง


  ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนี้

  วัยเพียง 23 กลับพบมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย

  https://www.youtube.com/watch?v=16_C9Op1xnw

  อาการของโรคมะเร็งเต้านม และการตรวจคัดกรอง

  https://www.youtube.com/watch?v=nSoZNK9TVqk

  การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง

  https://www.youtube.com/watch?v=J8A9v1LiBWw


  ปรึกษาโรคมะเร็ง

  หากคุณต้องการทราบว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการรักษาแบบบาดแผลเล็กหรือไม่ (การรักษาด้วยความเย็น  การรักษาด้วยมีดนาโน  การรักษาเฉพาะจุดแบบอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายในการรักษา  กรุณากรอกข้อมูลผู้ป่วย เพื่อรับคำแนะนำจากทีมแพทย์มะเร็งผู้เชี่ยวชาญของเรา


รับคำแนะนำจากแพทย์


วิธีการรักษา
  • การรักษาอุดเส้นเลือดของเนื้องอกแบบใหม่ - HepaSphere...

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง
  • นพ.หยางชิงเฟิง...

การรักษาที่กำลังนิย
  • การรักษาด้วยการให้ยาผ่านทางเส้นเลือด

  • การรักษาด้วยความเย็น (Cryosurgical Ablation, CSA)

  • การรักษาด้วยมีดนาโน (IRE)

  • การรักษาด้วยคลื่นไมโครเวฟ

  • การรักษาด้วยคีโมร้อนบริเวณช่องท้อง

  • การรักษาด้วยแสงจำเพาะ (Photodynamic Therapy, PDT)

  • การรักษาโดยสร้างภูมิคุ้มกันแบบองค์รวม

  • โรงพยาบาลมะเร็งเฉพาะทางแห่งชาติ
  • โรงพยาบาลมะเร็งที่ได้รับรองมาตรฐาน JCI ระดับนานาชาติ
  • ศูนย์ฝึกอบรมการรักษาด้วยความเย็นแห่งเอเชีย
  • ศูนย์ชีวการแพทย์กว่างโจวสถาบันวิทยาศาสตร์จีนและเวชศาสตร์ปริวรรตสถาบันสุขภาพ