สำหรับ “เคลลี่” (นามสมมุติ) เด็กหญิงชาวฟิลิปปินส์วัย 13 ปี คำว่า “มะเร็งกล้ามเนื้อลายชนิดเอ็มบริโอ” คือเงาดำที่บดบังช่วงวัยเด็กของเธอ มันไม่ใช่แค่คำศัพท์ทางการแพทย์ที่เข้าใจยาก แต่คือความเจ็บปวดที่ร่างกายเล็กๆ ของเธอต้องเผชิญจากเคมีบำบัดทั้งร่างถึง 37 ครั้ง และการฉายรังสีอีก 28 ครั้ง

　　เมื่อช่วงเวลาทุเลาอาการสั้นๆ ถูกทำลายด้วยการกลับมาอีกครั้งของก้อนมะเร็ง ครอบครัวของเคลลี่ก็ถูกผลักกลับเข้าสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวังอีกครั้ง แต่แม้จะเผชิญกับโรคร้ายและบททดสอบแสนสาหัส ดวงตาใสของเธอยังคงเปล่งประกายความหวังต่ออนาคตอย่างไม่ลดละ

　　ก้อนเล็ก ๆ กลายเป็นมะเร็งร้าย “มันยากเหลือเกินจริง ๆ” คือคำพูดที่ลุงของเคลลี่พูดบ่อยที่สุดตลอดการสัมภาษณ์ สะท้อนถึงความยากลำบากของการต่อสู้ที่ยาวนานครั้งนี้

　　ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2022 ตอนนั้นเคลลี่อายุเพียง 11 ปี เธอสังเกตเห็นก้อนเล็ก ๆ บริเวณปลายแขนขวา คิดว่าเป็นแค่รอยยุงกัด พ่อแม่ก็คิดว่าเป็นเพียง “ตุ่มนูนเล็กน้อย” จึงไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่งในงานรวมญาติครั้งหนึ่ง ลุงของเธอสังเกตว่าก้อนนั้นโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงเกิดความกังวลและแนะนำให้พาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลทันที

　　ผลการตรวจราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ “มะเร็งระยะที่ 4 มะเร็งกล้ามเนื้อลายชนิดเอ็มบริโอที่ปลายแขนขวา พบก้อนกระจายหลายจุดในปอด ต่อมน้ำเหลืองข้างหลอดเลือดใหญ่ในช่องท้องและบริเวณเยื่อบุช่องท้องโตขึ้น คาดว่าเป็นการแพร่กระจายของมะเร็ง”

　　ทุกครั้งที่ลุงของเคลลี่ย้อนนึกถึงก้อนเล็ก ๆ ตอนแรก ก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้—หากตรวจพบเร็วกว่านี้ เรื่องราวจะเป็นแบบนี้หรือไม่？

　　มะเร็งหวนกลับหลังเคมีบำบัด 37 ครั้งและฉายแสง 28 ครั้ง

　　เคลลี่เริ่มเข้ารับเคมีบำบัดทุก 2 สัปดาห์ ครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมง การเจาะเข็มซ้ำ ๆ ทำให้หลอดเลือดของเธอได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ยาเคมีบำบัดยังส่งผลข้างเคียงรุนแรง เช่น แผลในปาก ปวดศีรษะ ผิวหนังคล้ำ ฯลฯ ซึ่งทรมานร่างกายที่ยังเยาว์วัยของเธออย่างมาก

　　โชคดีที่ในช่วงแรกของการรักษา ร่างกายตอบสนองดี ก้อนมะเร็งค่อย ๆ ยุบลง หลังผ่านเคมีบำบัดถึง 37 ครั้ง และฉายแสง 28 ครั้ง ผล PET-CT ระบุว่าไม่พบร่องรอยของมะเร็งในร่างกาย

　　แต่แล้ว...เพียง 9 เดือนต่อมา มะเร็งก็กลับมาอีกครั้ง！

　　เมื่อเห็นลูกสาวดิ้นรนอย่างเจ็บปวดอยู่บนเตียง พ่อของเคลลี่รู้สึกราวกับหัวใจถูกมีดกรีด และเมื่อแพทย์บอกอย่างสงบว่า “โอกาสรอดไม่ถึง 20%” พ่อผู้เข้มแข็งก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป

　　เพื่อนผู้จุดประกายแห่งความหวัง

　　ขณะที่ประตูโชคชะตากำลังจะปิดลงอย่างหนักหน่วง แสงเล็ก ๆ ก็ส่องเข้ามาอย่างเงียบงัน ในเวลานั้น เพื่อนคนหนึ่งที่เคยเอาชนะโรคมะเร็งเต้านมได้สำเร็จที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในกว่างโจว ได้แบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง

　　เรื่องราวนั้นเปรียบเสมือนแสงดาวท่ามกลางรัตติกาล จุดประกายความหวังอันริบหรี่ในใจของพ่อและลุงของเคลลี่ ราวกับพวกเขากำลังจมน้ำแต่คว้าฟางเส้นสุดท้ายไว้ได้ หลังจากปรึกษาและไตร่ตรองอย่างรอบคอบ พวกเขาตัดสินใจพาเคลลี่มายังโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าในกว่างโจว เพื่อสู้เพื่อชีวิตอีกครั้ง

　　ขณะเข้ารับการรักษา เคลลี่มีหลายก้อนเนื้อที่ปลายแขนขวาและบริเวณปลายล่างของกระดูกต้นแขนขวา พบมะเร็งกระจายหลายจุดในปอด และมีก้อนขนาดประมาณ 9x8 เซนติเมตรที่รักแร้ด้านขวา นิ้วนางและนิ้วก้อยข้างขวาไม่สามารถเหยียดได้ตามปกติ

ลุงของเคลลี่แสดงให้เห็นขนาดเดิมของก้อนมะเร็งของเคลลี่

　　มะเร็งกล้ามเนื้อลาย (Rhabdomyosarcoma) มักพบในเด็กเป็นส่วนใหญ่ และการรักษาจำเป็นต้องใช้วิธีแบบบูรณาการหลายรูปแบบร่วมกัน โดยการ ให้เคมีบำบัดถือเป็นแนวทางหลักของการรักษา โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ใช่ชนิดกล้ามเนื้อหลายรูปแบบ (non-pleomorphic) เช่น ชนิดเอ็มบริโอ (Embryonal) และ ชนิดถุงลม (Alveolar) ซึ่งตอบสนองต่อเคมีบำบัดได้ดีมาก

　　อย่างไรก็ตาม การรักษาจำเป็นต้องมีการวางแผนที่เหมาะสมและปรับให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อ ลดผลข้างเคียงและความเจ็บปวด ที่เกิดจากการรักษาให้ได้มากที่สุด

　　การให้คีโมเฉพาะจุดร่วมกับยามุ่งเป้า ช่วยให้ก้อนมะเร็งยุบลง

　　หลังจากผ่านการประชุมและประเมินอย่างรอบคอบโดยทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพ ทีมแพทย์แผนกที่สองได้เริ่มให้การรักษาด้วยยาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ร่วมกับการทำคีโมเฉพาะจุด (TAI - Transarterial Infusion Chemotherapy) ซึ่งแม้จะเป็นการให้ยาเคมีบำบัดเหมือนกัน แต่ไม่ใช่แบบฉีดเข้าหลอดเลือดดำธรรมดา

　　ภายใต้การนำทางของอุปกรณ์ภาพถ่ายทางการแพทย์ แพทย์แผนกวิสัญญีและการสวนหลอดเลือดจะสอดสายสวนเข้าไปยังหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงก้อนมะเร็งโดยตรง จากนั้นฉีดยาเคมีบำบัดเข้าสู่ก้อนมะเร็งโดยตรง ด้วยวิธีนี้ยาเคมีบำบัดจะมีความเข้มข้นสูงในก้อนเนื้อ ทำให้ยาออกฤทธิ์เต็มที่ ขณะเดียวกันปริมาณยาที่ไหลผ่านไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น หัวใจ สมอง และไต ลดลง ส่งผลให้ลดผลข้างเคียงจากยาได้อย่างมาก

　　“การทำเคมีบำบัดแบบฉีดผ่านหลอดเลือดนี้ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น！” ลุงของเคลลี่รู้สึกพึงพอใจกับระยะเวลานี้มาก เมื่อต้องเทียบกับเคมีบำบัดแบบเดิมที่ใช้เวลานานถึงสองชั่วโมงและทรมาน

　　หลังการรักษาครั้งแรกเพียงสองวัน เคลลี่รู้สึกตื่นเต้นที่ก้อนเนื้อบริเวณแขนของเธอไม่เพียงแต่ยุบลง แต่ยังนุ่มลงด้วย การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีมาก เมื่อเคลลี่กลับมาตรวจซ้ำในครั้งที่สอง ก้อนเนื้อบนแขนแทบไม่พบการนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่น่าดีใจยิ่งกว่านั้น ในการตรวจล่าสุด ก้อนเนื้อที่ปอดทั้งสองข้างและเยื่อหุ้มปอดด้านขวาไม่พบ และต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ขวาก็มีขนาดเล็กลงอย่างชัดเจน แผนการฝังเม็ดรังสีที่วางไว้จึงไม่จำเป็นต้องทำอีกต่อไป หลักฐานเหล่านี้ยืนยันชัดเจนว่า การรักษามะเร็งในขณะนี้ได้ผลดี พวกเขาได้คว้าช่วงเวลาที่ “เป็นไปได้” และโอกาส “ช่วยชีวิต” อันล้ำค่านี้ไว้ได้สำเร็จแล้ว

　　แสงแห่งความหวังส่องสว่างใน “บ้าน” ต่างแดน

　　“ที่นี่เหมือนบ้านของเราในประเทศจีน” ประสบการณ์การเข้ารักษาที่โรงพยาบาลฟูด้าหลายครั้ง เปรียบเสมือนแสงแดดอบอุ่นที่ส่องสว่างกลางเส้นทางชีวิตที่พิเศษนี้ ทีมแพทย์และพยาบาลคอยยื่นมือช่วยเหลือตลอดเวลา สิ่งอำนวยความสะดวกที่เข้าถึงง่าย และความเอื้ออาทรอบอุ่นดุจญาติพี่น้อง ได้ฝังลึกอยู่ในใจของเคลลี่และลุงของเธออย่างไม่รู้ลืม

　　ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงโรงพยาบาลทั่วไปอีกต่อไป แต่กลายเป็น “บ้าน” ที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นท่ามกลางต่างแดน ใน “บ้าน” แห่งนี้ แววตาของเคลลี่ที่เต็มไปด้วยความหวังและภาพฝันในวันข้างหน้า ค่อย ๆ สว่างไสวและมั่นคงขึ้นทีละน้อย ด้วยพลังแห่งความหวังที่ไม่สิ้นสุด

　　ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่างนี้

　　คีโมเฉพาะจุด | โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว

　　https：//www.youtube.com/watch？v=yCDgBc0067M&t=2s

　　คีโมแบบใหม่ คีโมเฉพาะจุด ผลค้างเคียงต่ำ

　　https：//www.youtube.com/watch？v=KGq4FwVhVQY

　　เด็กสาววัย 13 เผชิญมะเร็งร้ายที่แขน ชีวิตได้รับความหวังอีกครั้งที่ฟูด้า

　　https://www.youtube.com/embed/pVDthOqP9Jg

　　ปรึกษาโรคมะเร็ง

　　หากคุณต้องการทราบว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการรักษาแบบบาดแผลเล็กหรือไม่ (การรักษาด้วยความเย็น  การรักษาด้วยมีดนาโน  การรักษาเฉพาะจุดแบบอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายในการรักษา  กรุณากรอกข้อมูลผู้ป่วย เพื่อรับคำแนะนำจากทีมแพทย์มะเร็งผู้เชี่ยวชาญของเรา

รับคำแนะนำจากแพทย์