ศึกสองโรคร้าย มะเร็งไตกับหัวใจขาดเลือด จากวิกฤติสู่ปาฏิหาริย์ที่ฟูด้า
None
Author:FUDA
From:
คุณครูวัย 72 ปีคว้ารางวัล "นักสู้ฟื้นตัวดีเด่น"
"ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าทำงานเป็นครูมาทั้งชีวิต มอบรางวัลให้คนอื่นมาก็เยอะ แต่พอได้เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ ตัวฉันเองกลับได้รับประกาศนียบัตรกลับบ้านด้วย"
บนเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า เมืองกว่างโจว คุณป้าเจ้าซ่าว (นามสมมุติ) วัย 72 ปี กำลังนั่งถือประกาศนียบัตรสีแดงสด "นักสู้ฟื้นตัวดีเด่น" ไว้อย่างแน่นหนา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ ท่ามกลางความท้าทายจากทั้งโรคหัวใจขาดเลือดและมะเร็ง รางวัลนี้กลายเป็นดั่งแสงสว่างนำทางในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของเธอ
มะเร็งไตกับโรคหัวใจขาดเลือด ทำให้การรักษากลายเป็นทางเลือกที่ลำบาก
คุณป้าเจ้า (นามสมมุติ) เป็นชาวมองโกเลียใน อดีตเคยเป็นครูอาวุโสที่เกษียณแล้ว ช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ ขณะเข้ารับการตรวจร่างกายตามปกติสำหรับผู้สูงวัย ความสงบในชีวิตหลังเกษียณของเธอก็ถูกทำลายลง เมื่ออัลตราซาวนด์และ CT แบบฉีดสีพบก้อนเนื้อขนาดประมาณ 5.9 เซนติเมตรที่ไตซ้าย
เมื่อนึกย้อนกลับไป เธอเล่าว่าตนเองเป็นคนร่าเริง แม้บางครั้งจะมีอาการปัสสาวะบ่อยหรือปวดปัสสาวะฉุกเฉิน แต่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนอายุมากจึงไม่ได้สนใจนัก จนกระทั่งพบก้อนเนื้อร้าย ก็เหมือนถูกฟาดหัวอย่างจัง
เพื่อค้นหาการรักษาที่เชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือกว่า เธอจึงเดินทางมายังโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในกว่างโจว แต่ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ก้อนเนื้อที่ไตกลับโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีขนาดถึง 9.6 เซนติเมตร อาการทรุดหนักลงอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งไปกว่านั้น ผลการตรวจหัวใจยังเผยว่าเธอเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบขั้นรุนแรง เส้นเลือดโคโรนารีด้านหน้าซ้ายและด้านวนรอบใกล้ต้นปิดสนิท ส่วนเส้นเลือดโคโรนารีขวาตีบถึง 70% ซึ่งหมายความว่าหากต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือแม้กระทั่งหัวใจล้มเหลวขณะผ่าตัด
แพทย์เสนอทางเลือกสองทาง
1. ผ่าตัดทำบายพาสหัวใจก่อน แล้วรอประมาณสามเดือนค่อยผ่าตัดตัดไตซ้าย
2. ผ่าตัดเอาไตออกทันที แต่หลังผ่าตัดอาจต้องล้างไต และอาจต้องเข้าห้อง ICU หากอาการหนัก อาจถึงขั้น "ไม่ได้กลับออกมาอีก"
ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกไหน คุณป้าเจ้าและครอบครัวก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
ช่วงหนึ่งเธอถึงกับคิดจะยอมแพ้ ไม่อยากทรมานอีกต่อไป แต่ลูก ๆ ของเธอไม่ยอมแพ้ไปด้วย พยายามหาข้อมูลทุกทาง จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีร่วม ว่า "เทคนิคการจี้เย็น" (Cryoablation) อาจเป็นทางออก โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยสูงอายุ หัวใจอ่อนแอ หรือร่างกายไม่แข็งแรง
เมื่อทราบว่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า ดร.หนิว ลี่จื้อ เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าในด้านเทคโนโลยีการจี้เย็น ครอบครัวจึงตัดสินใจพาคุณป้าเข้ารับการรักษาที่แผนกอายุรกรรมของโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า เพื่อคว้าโอกาสสุดท้ายไว้
ทีมแพทย์หลายสาขาร่วมวางแผน รับมือวิกฤติอย่างปลอดภัย
เมื่อคุณป้าเจ้าเข้ารับการรักษา อาการของเธอถือว่าอยู่ในภาวะที่ยุ่งยากอย่างมาก: เนื้องอกแทบจะลุกลามเต็มไตทั้งข้าง และค่าการบีบตัวของหัวใจ (Ejection Fraction) เหลือเพียง 39% (ค่าปกติอยู่ที่ 50%–70%)
ฝั่งหนึ่งคือโรคหัวใจที่อันตรายถึงชีวิต อีกฝั่งหนึ่งคือเนื้องอกในไตที่อาจคร่าชีวิตได้เช่นกัน เรียกได้ว่า "หนีเสือปะจระเข้" อย่างแท้จริง


เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสมโดยเร็ว ทีมแพทย์จึงเร่งประชุมร่วมหลายสาขา วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลแบบเป็นขั้นตอน
ทีมแพทย์แผนกอายุรกรรมของโรงพยาบาลได้รีบประสานจัดประชุมร่วมหลายสาขาทันที เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณป้าเจ้า และได้กำหนดแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลอย่างเป็นลำดับขั้น ดังนี้
ระยะที่ 1 รักษาให้หัวใจอยู่ในภาวะที่มั่นคง คอยเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมให้การรักษาแบบประคับประคองอย่างครอบคลุม
ระยะที่ 2 ควบคุมเนื้องอกในไต โดยเริ่มจาก
1. การให้เคมีบำบัดผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงลำไส้ (Transcatheter Arterial Infusion – TAI)
2. การอุดหลอดเลือดที่เข้าไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง (Transarterial Embolization - TAE) เพื่อยับยั้งการเติบโตของเนื้องอก และชิงเวลาเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาขั้นต่อไป

รองหัวหน้าแผนกรังสีร่วม นายแพทย์จง เสี่ยวจุ่น เป็นผู้ทำการรักษาให้เธอ
ระยะที่ 3
เมื่อผลการตรวจเลือด, เอนไซม์หัวใจ, อัลตราซาวนด์หัวใจ และ CT ตรวจซ้ำ แสดงให้เห็นว่าอาการอยู่ในภาวะคงที่แล้ว จึงดำเนินการรักษาด้วย การจี้เย็น (Cryoablation) เพื่อควบคุมก้อนเนื้องอกต่อไป พร้อมทั้งลดภาระการทำงานของหัวใจในเวลาเดียวกัน

ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ดร.หนิว ลี่จื้อ
และผู้ช่วยผู้อำนวยการ ดร.หลง ซินอัน เป็นผู้ดำเนินการผ่าตัดจี้เย็นให้กับเธอ



กระบวนการรักษาทั้งหมดเปรียบเสมือนการวิ่งผลัดที่วางแผนมาอย่างรอบคอบ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างไร้รอยต่อจากทีมแพทย์หลากหลายสาขา ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญยิ่ง
แต่เมื่อคุณป้าเจ้าได้รู้ว่าจะต้องเข้าห้อง ICU เพื่อติดตามอาการหลังผ่าตัด เธอถึงกับตกใจมาก เพราะเข้าใจมาตลอดว่า ICU คือสถานที่สำหรับผู้ป่วยวิกฤตเท่านั้น เธอยังกลัวว่า “ถ้าลงจากเตียงผ่าตัดไปแล้ว อาจไม่ได้กลับมาอีก”
โชคดีที่ผู้อำนวยการหนิว ลี่จื้อ และทีมแพทย์พยาบาลได้อธิบายอย่างอดทน พร้อมให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ทำให้คุณป้าค่อย ๆ คลายความกลัว และตัดสินใจเผชิญกับการรักษาอย่างกล้าหาญ
“ผลลัพธ์ดีกว่าที่คิดไว้มาก”
หลังผ่าตัด คุณป้าเจ้าไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่เด่นชัด และหลังจากเฝ้าระวังใน ICU เป็นเวลา 1 วัน 1 คืน เธอก็พูดกับลูก ๆ ที่เฝ้าอยู่ด้วยสีหน้าแจ่มใสว่า
“ลูกเอ๋ย...ศึกหนักครั้งนี้ แม่ชนะแล้ว! แม่ผ่านมันมาได้สำเร็จ!”
“ประกาศนียบัตรเกียรติยศ” พิเศษนี้ คือเหรียญแห่งความอดทน
ภายใต้การดูแลอย่างยอดเยี่ยมของผู้อำนวยการหนิว ลี่จื้อ และทีมแพทย์แผนกอายุรกรรม พร้อมด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดของลูก ๆ คุณป้าเจ้ามีความร่วมมือในการรักษาอย่างเต็มที่ ทำให้อาการและผลตรวจต่าง ๆ ค่อย ๆ ดีขึ้นจนคงที่ ในที่สุดเธอก็สามารถกลับบ้านพร้อมผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ในวันจำหน่าย ราวกับมีพิธีเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ พยาบาลที่เฝ้าดูแลเธออย่างใกล้ชิดทุกวันมอบ “ประกาศนียบัตรนักสู้ฟื้นตัวดีเด่น” ให้กับเธอ ขณะที่ลูก ๆ ก็ได้รับ “ประกาศนียบัตรผู้ดูแลยอดเยี่ยม” เป็นกำลังใจและการยอมรับในความทุ่มเทของทุกฝ่าย

“พวกคุณใจดีต่อฉันมากจริง ๆ ที่นี่ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน” คุณป้าเจ้าจับประกาศนียบัตรไว้ด้วยมือ ใบหน้าที่ยิ้มเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
ตั้งแต่การจัดเตรียมอย่างละเอียดเมื่อเข้ารับการรักษา การดูแลเอาใจใส่ตลอดช่วงพักรักษาตัว การวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลที่เหมาะสม ไปจนถึงเทคนิคทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งความห่วงใยที่แพทย์และพยาบาลแสดงให้เหมือนกับคนในครอบครัว สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก
อดีตครูผู้มอบรางวัลมากมายให้นักเรียนไม่เคยคิดเลยว่า ในห้องผู้ป่วยที่เธอต้องต่อสู้กับโรคร้ายนี้ ตัวเธอเองจะได้รับ “เกียรติยศแห่งชีวิต” ที่มีคุณค่าหนักแน่นเช่นนี้
เธอยังได้ร่วมกับลูก ๆ เขียนจดหมายขอบคุณด้วยลายมือตนเอง ซึ่งทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความจริงใจและความซาบซึ้งอย่างลึกซึ้ง


จดหมายแสดงความขอบคุณจากผู้ป่วยที่เขียนถึงโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า
ประกาศนียบัตรที่ไม่ธรรมดา เต็มเปี่ยมด้วยความอบอุ่นและพลังใจ
ประกาศนียบัตรแผ่นนี้ที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นหนึ่งธรรมดาเลย มันรวมเอาความละเอียดอ่อนและความรักที่ทีมแพทย์แผนกอายุรกรรมได้ทุ่มเทด้วยวิทยาศาสตร์และศิลปะการแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยไว้ทั้งหมด มันเป็นเครื่องยืนยันสูงสุดถึงความเข้มแข็งของจิตใจและความร่วมมือของคุณป้าเจ้า และยังเป็นแรงสนับสนุนและแบบอย่างสำหรับผู้ป่วยทุกคน
ทางโรงพยาบาลหวังว่า ผ่านพิธี “มอบรางวัล” นี้ จะสามารถส่งต่อความหวังและความมุ่งมั่น กระตุ้นให้ผู้ป่วยหลายคนมีใจบวก พร้อมรับมือกับชีวิตและเผชิญความท้าทายอย่างร่าเริง แม้ในห้องผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ก็จะสามารถเปล่งประกายแห่งชีวิตและความหวังได้ ขอให้ผู้ป่วยทุกคนได้พบกับ “ประภาคารแห่งชีวิต” ของตัวเอง ผ่านการรักษาทางวิทยาศาสตร์และความใส่ใจในมนุษยธรรม และก้าวเดินอย่างกล้าหาญต่อไป!
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่างนี้
เทคนิคการรักษามะเร็งด้วยความเย็น
https://www.youtube.com/watch?v=9ofSRXRxCoQ
คีโมแบบใหม่ คีโมเฉพาะจุด ผลค้างเคียงต่ำ
https://www.youtube.com/watch?v=KGq4FwVhVQY
ปรึกษาโรคมะเร็ง
หากคุณต้องการทราบว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการรักษาแบบบาดแผลเล็กหรือไม่ (การรักษาด้วยความเย็น การรักษาด้วยมีดนาโน การรักษาเฉพาะจุดแบบอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายในการรักษา กรุณากรอกข้อมูลผู้ป่วย เพื่อรับคำแนะนำจากทีมแพทย์มะเร็งผู้เชี่ยวชาญของเรา
-
การรักษาด้วยความเย็น (Cryosurgical Ablation, CSA)...
-
ศ.นพ.หนิวลี่จื้อ...
การรักษาด้วยการให้ยาผ่านทางเส้นเลือด
การรักษาด้วยความเย็น (Cryosurgical Ablation, CSA)
การรักษาด้วยมีดนาโน (IRE)
การรักษาด้วยคลื่นไมโครเวฟ
การรักษาด้วยคีโมร้อนบริเวณช่องท้อง
การรักษาด้วยแสงจำเพาะ (Photodynamic Therapy, PDT)
การรักษาโดยสร้างภูมิคุ้มกันแบบองค์รวม
-
โรงพยาบาลมะเร็งเฉพาะทางแห่งชาติ
-
โรงพยาบาลมะเร็งที่ได้รับรองมาตรฐาน JCI ระดับนานาชาติ
-
ศูนย์ฝึกอบรมการรักษาด้วยความเย็นแห่งเอเชีย
-
ศูนย์ชีวการแพทย์กว่างโจวสถาบันวิทยาศาสตร์จีนและเวชศาสตร์ปริวรรตสถาบันสุขภาพ