เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ผู้อำนวยการใหญ่สวี เค่อเฉิงและผู้อำนวยการหนิวลี่จื้อของโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว ได้ร่วมงานสัมมนาการดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวมครั้งที่7ซึ่งจัดที่โรงพยาบาล Rumah Sakit Gading Pluit ที่ประเทศอินโดนีเซีย

　　ในโอกาสนี้นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสวีเค่อเฉิงและหนิวลี่จื้อได้เยี่ยมผู้ป่วยอินโดนีเซียที่เคยรับการดูแลไปหลายคน ที่น่ายินดีคือภายหลังจากรับการดูแลจากฟูด้ากลับไปแล้วผู้ป่วยเหล่านี้ฟื้นคืนสุขภาพด้วยดี

　　สิ่งที่ทำให้ผู้อำนายการหนิวลี่จื้อตื้นตันใจมากคือ เขาได้พบเจอกับผู้ป่วยมะเร็งช่องท้องขนาดมหึมาคนหนึ่งที่ท่านเคยรับการดูแลมาเมื่อ11ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 10 กว่าปีเท่านั้นขณะนี้ได้โตเป็นหญิงสาวยิ้มแย้มแจ่มใสแข็งแรงและมีชีวิตชีวา

ปัจจุบันนี้หม่าเย่นลี่จบมหาวิทยาลัยแล้ว

　　เธอชื่อ SHELLYMAHARA มีชื่อภาษาจีนที่สวยงามว่า หม่าเย่นลี่ เมื่อปี 2548 เย่นลี่อายุ 17 ปี มีอาการท้องโตขึ้นๆ จึงไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งรังไข่ เนื่องจากโรงพยาบาลท้องถิ่นไม่พร้อมที่จะผ่าตัดให้ เธอจึงย้ายไปผ่าตัดที่เมืองปีนังประเทศมาเลเซีย แต่หลังจากแพทย์ผ่าเปิดท้องมาประกฎว่าเนื้องอกมีเส้นเลือดเต็มไปหมด แพทย์เกรงว่าผ่าตัดแล้วจะเสียเลือดมากจึงตัดสินใจปิดแผลโดยไม่ได้ผ่าตัดก้อนเนื้อออก แล้วทำคีโมให้เธอแทน แต่คีโมทำให้เธอผมร่วงและไม่เกิดผลดี

ปี 2548 เนื้องอกก้อนใหญ่ในอุ้งเชิงกราน60%ของหม่าเย่นลี่

　　ขณะสั้นที่กำลังหมดหวัง จากการแนะนำของเพื่อน หม่าเย่นลี่จึงได้เดินทางไปเข้ารับการดูแลที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าเมื่อวันที่11 มีนาคมปี2548 ผู้อำนวยการหนิวลี่จื้อจำได้ว่า ตอนเข้าโรงพยาบาลเด็กหญิงคนนี้ท้องโตเท่ากับคนตั้งท้อง 8 เดือน ผลตรวจพบว่าเนื้องอกรังไข่ข้างซ้าย ขนาด 18×23 cm กินพื้นที่อุ้งเชิงกราน60% ก้อนเนื้องอกติดกับลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ มดลูก อาการน่าเป็นห่วงมาก

　　ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้ประชุมปรึกษากันแล้วมีความเห็นว่าให้ทำคีโมเฉพาะจุด2ครั้งก่อนเพื่อให้ก้องเนื้อเล็กลง หลังจากนั้น ผู้อำนวยการหนิวลี่จื้อศาสตราจารย์หูอี่เจ๋อและหัวหน้าแพทย์เหลียงปิงเข้าร่วมการผ่าตัดให้เธอ โดยใช้ความเย็นผ่าตัดแยกเนื้องอกออกจากกันก่อนแล้วจึงผ่าตัดออกด้วยความเย็น เป็นการหลีกเลี่ยงการเสียเลือดขณะผ่าตัดได้อย่างดี

　　หลังการผ่าตัดหม่าเเย่นลี่ได้รับการดูแลแบบองค์รวมเช่นคีโมเป็นต้น ทั้งหมด 4 รอบเธอฟื้นตัวเร็วมากจนได้ออกโรงพยาบาล

　　หม่าเย่นลี่บอกกับผู้อำนวยการหนิวว่า หลังจากออกโรงพยาบาลเธอได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย ปัจจุบันนี้ทำงานแล้วสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข

　　น.พ.หนิว ลี่จื้อเชื่อว่าหม่าเย่นลี่ผ่าตัดได้สำเร็จเพราะว่าก่อนผ่าตัดได้ใช้คีโมฉะเพาะจุดไปควบคุมเนื้องอกไว้ก่อน เลือกผ่าตัดด้วยความเย็นจึงสามารถผ่าตัดเนื้องอกที่เคยผ่าไม่สำเร็จได้

　　น.พ.หนิวลี่จื้อแนะนำว่า การผ่าตัดความเย็นเป็นเทคนิคการดูแลผู้ป่วยด้วยอุณหภูมิต่ำ โดยทำให้เกิดการจับแข็งทั้งในและนอกเซลล์ขึ้นจนเซลล์แตกเส้นเลือดเล็กๆโดยรอบถูกอุตันขาดเลือดมาหล่อเลี้ยงจนตายไป การผ่าตัดด้วยความเย็นทำโดยใช้ CTเป็นเครื่องชี้นำทาง สามารถสลายเนื้องอกได้แม่นยำโดยไม่ทำลายอวัยวะที่ปกติ เมื่อใช้ดูแลผู้ป่วยด้วยความเย็นจนเนื้องอกตายและหดเล็กลง เวลาผ่าตัดจะเสียเลือดน้อยทำให้การผ่าตัดมีความปลอดภัย ยิ่งไปกว่านี้ความเย็นยังช่วยทำให้เกิดมีปฎิกิริยาภูมิคุ้มกันขึ้นมา ช่วยขจัดเซลล์มะเร็งที่ตกค้างทำให้ผู้ป่วยเกิดผลดีในระยะยาว

　　ขณะเดียวกันการดูแลผู้ป่วยด้วยความเย็นมีผลกระทบน้อย และทำให้ชาบริเวณที่ทำ ช่วยลดการเจ็บปวดของผู้ป่วย

　　ปัจจุบันนี้การดูแลผู้ป่วยด้วยความเย็นได้พัฒนาดีขึ้นมาก และใช้ดูแลผู้ป่วยเนื้องอกมากขึ้น เมื่อปี2541องค์การอาหารและยาของประเทศอเมริกา (FDA) ได้อนุมัตให้ใช้เทคนิคสลายด้วยความเย็นดูแลผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ปัจจุบันนี้ การดูแลผู้ป่วยมะเร็งไต มะเร็งตับและมะเร็งปอดด้วยความเย็นได้บรรจุลงในคู่มือแนะนำการดูแลผู้ป่วยของ NCCN ประเทศอเมริกา

　　สำหรับผู้ป่วยที่ผ่าตัดไม่ได้หรือปฎิเศษการผ่าตัดการดูแลผู้ป่วยด้วยความเย็นเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง มะเร็งระยะกลางและระยะสุดท้ายผ่าตัดด้วยความเย็นสามารถกำจัดเนื้องอกบางส่วน ทำให้ก้อนเนื้อเล็กลง ทุเลาอาการและยืดอายุให้ผู้ป่วย การผ่าตัดด้วยความเย็นสามารถดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะเริ่มต้นให้ได้ผลดีเช่นเดียวกับการผ่าตัด

　　แนะนำผู้เชี่ยวชาญ

　　นพ.ดร.หนิวลี่จื้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยากรรม อาจารย์ที่ปรึกษานักศึกษาปริญญาโท ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดเนื้องอกและการผ่าตัดด้วยความเย็นโดยเฉพาะในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนตับปอดไตต่อมไทรอยด์และเนื้องอกช่องท้องด้วยวิธีการเปิดแผลเล็กที่เป็นแบบฉบับของตนเองประสบผลความสำเร็จอย่างมากนพ.ดร.หนิวลี่จื้อและทีมงานได้ทำการผ่าตัดด้วยความเย็นให้ผู้ป่วยมากที่สุดในโลก(ประมาณหนึ่งหมื่นราย) เคยผ่าตัดด้วยความเย็นในเนื้องอกที่ซับซ้อนอย่างมาก นพ.ดร.หนิวลี่จื้อจากผลงานอันดีเยี่ยมจึงได้รับการยกย่องจากผู้ป่วยให้เป็น “มือผ่าหนึ่งในหล้า”