มะเร็งเต้านมถูกวินิจฉัยผิดเป็นอักเสบเต้านม！ คุณแม่ชาวคาซัคสถานต่อสู้เพื่อชีวิตข้ามประเทศ ความไม่สบายบริเวณหน้าอกถูกความสุขจากการเป็นคุณแม่มือใหม่และความน่ารักของลูกน้อยบดบังไป เอจิริม (นามสมมติ) ทนต่อความเจ็บปวดเล็กน้อยเหล่านี้เงียบ ๆ โดยไม่สืบหาสาเหตุเพิ่มเติม จนกระทั่งถึงวันที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เธอจึงได้ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์อย่างแท้จริง

　　เอจิริม วัย 35 ปี มาจากคาซัคสถาน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมชนิด HER2 บวกในปลายเดือนตุลาคม 2024 มะเร็งชนิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

　　ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ในระหว่างตรวจสุขภาพประจำปี เธอพบก้อนเล็ก ๆ ที่เต้านมด้านซ้าย แพทย์ท้องถิ่นระบุว่าอาจเป็นถุงน้ำที่เกิดจากน้ำนมคั่งหลังคลอด รอให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายกลับสู่สมดุล ก้อนก็จะหายไปเอง ในตอนนั้นเธอหยุดให้นมลูกมาหนึ่งปีแล้ว แต่เพราะไว้วางใจแพทย์ เธอจึงไม่ได้ตรวจเพิ่มเติม

　　ในช่วงการตั้งครรภ์ครั้งที่สองในปี 2024 ใกล้คลอด เธอสังเกตก้อนเริ่มโตขึ้น ผิวหนังแดงบวมและมีความร้อนบริเวณนั้น เอจิริมคิดว่าเป็นการอักเสบของเต้านมจากน้ำนมคั่ง จึงไม่ได้ใส่ใจมาก แต่หลังคลอด ก้อนไม่ได้เล็กลง กลับโตขึ้นถึง 10 เซนติเมตร พร้อมมีอาการไข้ แพทย์ท้องถิ่นยังวินิจฉัยว่าเป็นโรคอักเสบเต้านมเรื้อรัง และแนะนำให้รักษาด้วยยาแก้อักเสบและยาปฏิชีวนะ

　　“ในตอนนั้น สภาพของฉันทำให้แพทย์คนอื่นสงสัย พวกเขาจึงแนะนำให้ทำการตรวจแมมโมแกรม” สุดท้าย จากผลการตรวจภาพรังสีร่วมกับชิ้นเนื้อ พบว่าการวินิจฉัยคือ มะเร็งเต้านม HER2 (+++)， G3

　　การแบ่งเกรดมะเร็งเต้านม หมายถึง ระดับความรุนแรงของเนื้องอก มักระบุในรายงานพยาธิวิทยาเป็น G1， G2， G3

　　เคมีบำบัดทำให้ตับเสียหาย？ ในฐานะแม่ ต้องสู้เพื่อชีวิต             เอจิริมได้รับการทำเคมีบำบัดทางหลอดเลือดดำรอบหนึ่งที่คาซัคสถาน แต่ผลข้างเคียงรุนแรงทำให้เธอไม่กล้าทำต่อ “หลังทำเคมีบำบัด ระดับเอนไซม์ตับสูงขึ้นถึงสามเท่า ทำให้ฉันต้องใส่ใจจริงจัง” ในฐานะแพทย์ เธอรู้ดีว่าหากทำเคมีบำบัดต่อ จะทำให้ตับเสียหายอย่างรุนแรง ดังนั้น ด้วยความผิดหวัง เธอจึงตัดสินใจหยุดการรักษา

　　เมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์จากการหยุดการรักษาก็เริ่มปรากฏ ก้อนใต้รักแร้เริ่มโตขึ้น อาการไอรุนแรงขึ้น และเริ่มมีสัญญาณของการแพร่กระจายไปปอด สภาพร่างกายโดยรวมย่ำแย่ขึ้นทุกที คิดถึงลูกสาวคนโตวัย 4 ปี และลูกสาวคนเล็กยังอยู่ในอ้อมกอด ในฐานะแม่ เธอต้องทำทุกทางเพื่อมีชีวิตอยู่ ไม่สามารถยอมแพ้ต่อโอกาสรอดชีวิตใด ๆ ได้ ดังนั้น เธอจึงฟื้นกำลังใจใหม่ ตัดสินใจทลายกรอบความคิดเดิม ๆ และหาทางรักษาใหม่อย่างเต็มที่

　　เอจิริมได้ค้นหาสถาบันการแพทย์ในหลายประเทศ ทั้งเยอรมนี ตุรกี และจีน จนสุดท้ายเธอตัดสินใจเลือก โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าน (Fuda) เมืองกวางโจว ประเทศจีน เหตุผลคือ โมเดลการรักษาผสมผสานเฉพาะบุคคลที่ฟูด้านนำเสนอ ทำให้เธอประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีเฉพาะทางบางอย่างที่ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ยินเพียงในสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล หลังจากทำความเข้าใจอย่างละเอียด เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่มาที่ โรงพยาบาลฟูด้านเพื่อ “ลองสู้ดูสักตั้ง”

　　หลายวิธีรักษาพร้อมกัน ก้อนมะเร็งยุบ เลยเห็นรอยยิ้ม

　　“ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป” ในวันที่ 31 มีนาคม 2025 เอจิริมเข้ารับการรักษาที่ แผนกการแพทย์เฉพาะทางที่ 4 ของโรงพยาบาลฟูด้าน และเมื่อพบทีมแพทย์ครั้งแรก เธอกล่าวประโยคนี้เป็นประโยคแรก

　　หลังจากตรวจอย่างครบถ้วน รองหัวหน้าแผนกการแพทย์เฉพาะทาง หาง ย่านลี่ พบว่า นอกจากมะเร็งเต้านมด้านซ้ายแล้ว เอจิริมยังมี เนื้องอกแพร่กระจายหลายจุดในปอดทั้งสองข้าง， ต่อมน้ำเหลืองแพร่กระจายหลายจุดใต้รักแร้ด้านซ้าย， และ ต่อมน้ำเหลืองขนาดเล็กหลายจุด ใน ปอดทั้งสองข้าง， รักแร้ขวา， บริเวณขั้วตับ， หลังช่องท้อง， และขาหนีบทั้งสองข้าง

　　หลังจากการประชุมและประเมินผลหลายสาขาวิชา(MDT) หัวหน้าแผนก หาง ย่านลี่ ได้วางแผนให้เอจิริมทำ คีโมเฉพาะจุด(TAI - Transarterial Infusion Chemotherapy)ร่วมกับการรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)

พยาบาลกำลังเปลี่ยนยาให้เธอ

　　“การแพทย์จีน โรงพยาบาลฟูด้าน่าเชื่อถือมาก！”  ระหว่างการรักษา บุคลากรทางการแพทย์ของฟูด้าได้สร้างความประทับใจให้เอจิริมอย่างมาก ด้วยการบริการที่ละเอียดรอบคอบ ท่าทีที่เป็นมิตรอบอุ่น และการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ทีมแพทย์และพยาบาลร่วมอวยพรวันเกิดให้เอจิริม

　　หลังจากการรักษาสองคอร์ส ผลการตรวจติดตามพบว่า ก้อนมะเร็งเต้านมยุบเล็กลงเกือบครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้และก้อนแพร่กระจายในปอดทั้งสองข้างก็ยุบลงอย่างชัดเจน บางก้อนถึงกับหายไป ต่อมา เธอเข้ารับการรักษาเพิ่มอีกสามรอบ ก้อนเนื้องอกยังคงหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง โรคมีแนวโน้มคงที่ และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึง 8 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับก่อนรักษา

　　เมื่อก้อนมะเร็งเต้านมหดเล็กลงเหลือเพียง 3 เซนติเมตร เอจิริมจึงเข้ารับการรักษาด้วย การจี้ทำลายก้อนด้วยความเย็น (Cryoablation) เธอกล่าวว่า “ทั้งกระบวนการแทบไม่มีความรู้สึกไม่สบายเลย มีเพียงแผลเล็กขนาดรอยเข็มเท่านั้น หลังการผ่าตัด ฉันรู้สึกได้ชัดเจนว่าก้อนนิ่มลง”

　　ปัจจุบัน เอจิริมยังคงต้องรับการรักษาแบบแทรกแซงและการรักษาแบบมุ่งเป้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพวกเราก็หวังอย่างจริงใจว่าเธอจะฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ และมีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้นทุกวัน

　　ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่างนี้

　　เทคนิคการรักษาด้วยความเย็น | โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจว

　　https：//www.youtube.com/watch？v=nmyM7ef15us&t=4s

　　คีโมแบบใหม่ คีโมเฉพาะจุด ผลค้างเคียงต่ำ

　　https：//www.youtube.com/watch？v=KGq4FwVhVQY

　　ปรึกษาโรคมะเร็ง

　　หากคุณต้องการทราบว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการรักษาแบบบาดแผลเล็กหรือไม่ (การรักษาด้วยความเย็น  การรักษาด้วยมีดนาโน  การรักษาเฉพาะจุดแบบอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายในการรักษา  กรุณากรอกข้อมูลผู้ป่วย เพื่อรับคำแนะนำจากทีมแพทย์มะเร็งผู้เชี่ยวชาญของเรา

รับคำแนะนำจากแพทย์