วันที่ 8 มีนาคม ปี 2016 อีกครั้งที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้ากว่างโจวประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยมีดนาโน ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาครั้งนี้คือคุณครูเกษีรณอายุวัย 68 ปีชาวเดนมาร์กชื่อว่า Gurli เมื่อไม่นานมานี้คุณ Gurli ได้เข้ารับการตรวจและพบว่าตนมี Neuroendocrine Tumor (หรือเรียกสั้นๆว่า NET) กระจายที่บริเวณตับหลายจุด เธอจึงเดินทางมารักษาด้วยมีดนาโนที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าอีกครั้ง ซึ่งสามารถทำการสลายก้อนเนื้อบริเวณตับไปได้ถึงสามก้อนในการสลายหนึ่งครั้ง และเธอได้ออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 17 มีนาคม ด้วยสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น จากปี 2008 จนถึงปัจจุบันคุณ Gurli นั้นได้เดินทางมารักษาที่กว่างโจวกว่า 10 ครั้งแล้ว หลังจากเข้ารับการรักษาด้วยมีดนาโน การรักษาด้วยความเย็น หลังจากได้เข้ารับการรักษาอย่างครอบคลุม คุณ Gurli สามารถยืดอายุมาได้มากกว่า 8 ปีแล้ว

　　ในปี 2017 คุณ Gurli มักมีอาการปวดท้อง และตรวจพบก้อนเนื้อขนาด 2.8 ซม.ที่บริเวณตับอ่อน และก้อนเนื้อที่บริเวณตับอีก 3 ก้อน การตรวจพบโดยไม่คาดคิดทำให้เธอตกใจมาก หลังจากได้รับการตรวจชิ้นเนื้อที่โรงพยาบาลในเดนมาร์กพบว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนที่แพร่กระจายไปยังตับ ทางโรงพยาบาลแจ้งกับเธอโดยตรงว่าสามารถเข้ารับการให้คีโมได้ แต่ไม่ว่าจะทำการรักษาด้วยวิธีใดก็จะสามารถมีอายุอยู่ได้เพียงแค่สองถึงสามเดือนเท่านั้น

　　เธอเข้ารับการให้คีโม ถึงแม้จะรู้ดีกว่าการรักษาครั้งนี้จะไม่ได้ช่วยให้เธออาการดีขึ้น แต่เธอคิดว่าการรักษานี้เป็นการรักษาที่ผู้ป่วยมะเร็งทุกคนต้องทำ แต่เธอก็มีความกังวลต่อผลข้างเคียงอย่างมากเช่นกัน เธอพร้อมที่จะจากโลกนี้ไปโดยไม่อยากทำให้ลูกสาวและสามีของเธอเกิดความกังวลใจ

　　ความหวังใหม่

　　สามีของคุณ Gurli เป็นนักออกแบบ พวกเขามีลูกสาวสองคน และหลานทั้งหมดสี่คน ครอบครัวของเธอไม่สามารถยอมรับการวินิจฉัยของแพทย์ได้ และอยากให้คุณ Gurli เดินทางไปรักษาที่ต่างประเทศ ลูกสาวของคุณ Gurli ได้อ่านบทความเกี่ยวโรคมะเร็งตับอ่อนที่แม่ของเธอเป็นและพบว่านอกจากการให้คีโมแล้วก็ไม่มีวิธีการอื่นที่จะสามารถทำการรักษาได้ เธอรู้สึกหมดหวังอย่างมากจนร้องไห้ออกมา หลังจากนั้นไม่กี่วัน เธอได้อ่านพบความที่คุณ Lena เขียนเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาที่ประเทศจีน ผู้ป่วยท่านนี้เป็นมะเร็งกระดูกสันหลังทรวงอก และได้เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลในเดนมาร์ก หลังจากการผ่าตัดโรคมีการแพร่กระจาย ทำให้เป็นอัมพาตที่ขา เธอตัดสินใจเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าและเข้ารับการรักษาด้วยความเย็นจนสามารถควบคุมโรคได้ ลูกสาวของคุณ Gurli จึงไปสอบถามกับคุณ Lena เพื่อช่วยชีวิตแม่ของเธอ

　　เมื่อคุณหมอที่เดนมาร์กทราบว่าคุณ Gurli กำลังจะเดินทางไปรักษาที่ประเทศจีนก็รีบห้ามทันทีพร้อมพูดว่า “พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ？” คุณ Gurli ไม่ฟังการห้ามปรามของคุณหมอ เธอและสามีขายอพาร์ทเม้นท์ขนาดใหญ่ทิ้งพร้อมเปลี่ยนเป็นอันเล็กแทน และนำเงินจำนวนหนึ่งไปใช้ในการเดินทางไปกว่างโจว ประเทศจีน

　　ปาฏิหาริย์

　　เมื่อเธอเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ทางทีมแพทย์ได้ทำการรักษาด้วยความเย็น และฝังแร่ให้กับเธอ หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เธอเดินทางกลับที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจซ้ำ ครั้งนี้เธอกลับมาพร้อมกับ “ของขวัญ” สามอย่าง ซึ่งก็คือ หนังสือพิมพ์ที่เดนมาร์ก ซึ่งมีข่าวการเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าของคุณ Gurli และยังมี VCD ที่ผู้สื่อข่าวท่านหนึ่งได้เดินทางมาบันทึกขณะที่คุณ Gurli ทำการรักษาที่โรงพยาบาล และผลตรวจ CT SCAN ล่าสุดของคุณ Gurli ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเนื้องอกที่บริเวณตับอ่อนของเธอนั้นมีขนาดเล็กลงถึง 2/3 และก้อนเนื้อที่บริเวณตับก็ได้ตายไปแล้ว

　　ปรากฏว่านักข่าวทราบถึงการเดินทางมารักษาที่ประเทศจีนของคุณ Gurli และได้ทำการบันทึกพร้อมเผยแพร่ข่าวออกไป ทำให้คุณ Gurli กลายเป็นผู้ต่อต้านโรคมะเร็งในเดนมาร์ก และเธอยังได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมมิตรภาพจีน-เดนมาร์ก พร้อมได้ขึ้นบรรยายในหัวข้อ “ประเทศจีนคือบ้านของฉัน” ซึ่งทำให้โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้านั้นเป็นที่รู้จักในประเทศเดนมาร์กมากขึ้น จากปี 2008 จนถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยกว่า 100 ท่านได้เดินทางจากเดนมาร์กมารักษาตัวที่กว่างโจว ประเทศจีน

　　ในปีนั้นผู้อำนวยการสวีค่อเฉิงได้เดินทางไปเยือนประเทศเดนมาร์ก ท่านกล่าวว่า “เมื่อถึงสนามบินและพบว่าคุณ Gurli และครอบครัวมาให้การต้อนรับพร้อมกับถือธงชาติจีนในมือ ผมรู้สึกดี และภูมิใจอย่างมาก”

　　ออก CCTV

　　ในเดือนพฤษภาคม ปี 2014 คุณ Gurli และผู้อำนวยการสวีเค่อเฉิงได้เดินทางไปปักกิ่ง ในวันที่ 22 พฤษภาคม ผู้อำนวยการสวีเค่อเฉิงได้รับรางรัล “บุคคลตัวอย่างแห่งยุค” ซึ่งได้เผยแพร่ใน CCTV ของประเทศจีน และคุณ Gurli ได้รับเชิญไปในฐานะแขกรับเชิญพิเศษ คุณ Gurli นั่งอยู่ตรงกลางแถวหน้าของผู้ชม และเมื่อ Jing Yidan ประธานในการแถลงข่าวกล่าว คุณ Gurli ถึงกับร้องไห้ออกมา

คุณ Gurli เป็นแขกรับเชิญพิเศษในการประชุม “บุคคลตัวอย่างแห่งยุค”

　　หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ CCTV ได้ทำการออกอากาศการประชุมบุคคลตัวอย่างแห่งปี และหลังจากนั้นได้มีข่าวการสัมภาษณ์ของผู้อำนวยการสวีเค่อเฉิงออกมา ซึ่งได้ปรากฎภาพคุณ Gurli บนหน้าจอ เธอดีใจมาก และได้ทำการบันทึกเทปไว้

　　วันที่ 3 สิงหาคมปี 2015 ผู้อำนวยการสวีเค่อเฉิงได้ไปเยี่ยมที่วอร์ดสี่ และได้พบกับคุณ Gurli ที่มาตรวจซ้ำ คุณ Gurli เมื่อพบกับผู้อำนวยการสวีเค่อเฉิงก็รีบเข้ามาทักทายพร้อมถามว่า “คุณสบายดีไหมคะ？” “ผมสบายดีมาก แล้วคุณล่ะเป็นอย่างไรบ้าง？” เขากล่าว “คุณดูสิคะว่าฉันดีขึ้นไหม” เธอพูดพร้อมกับยิ้มด้วยความสดใส หากมองจากภายนอกแล้ว เธอดูเหมือนกับบุคคลที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายเลย

　　นี้เป็นการเดินทางมาประเทศจีนครั้งที่แปดของเธอแล้ว เธอได้พาหลานวัย 17 ปีของเธอมาด้วย เธอกล่าวว่าฟูด้านั้นเป็นเหมือนบ้านที่ประเทศจีนของเธอ เธอเลยพาหลานมารู้จักกับบ้านที่ประเทศจีนของเธอ

　　ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคมะเร็ง

　　เมื่อเร็วๆนี้คุณ Gurli ได้ตรวจพบ Neuroendocrine Tumor ที่บริเวณตับทั้งหมดสามจุด แบ่งเป็นขนาด 5 ซม. 4 ซม. และ 2 ซม. เธอได้กลับมารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า เนื่องจากก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ และอยู่ใกล้ส่วนสำคัญของขั้วตับและกะบังลม ศ.นพ.หนิวลี่จื้อจึงตัดสินใจใช้การรักษาที่มีความปลอดภัยสูงและมีผลข้างเคียงน้อยอย่างมีดนาโนในการรักษา

　　การผ่าตัดเกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม ปี 2016 ซึ่งทำการผ่าตัดภายใต้การอัลตราซาวด์และ CT SCAN ศ.นพ.หนิวลี่จื้อได้ใช้มีดนาโนทำการสลายก้อนเนื้อที่ใหญ่ที่สุดก่อน จากก็ทำการสลายก้อนเนื้อสองก้อนที่เหลือ ซึ่งสามารถเห็นได้ที่หน้าจออย่างชัดเจนว่าเนื้องอกได้ผ่านการสลายและตายลง จะเห็นได้ว่าเกิดเป็นฟองอากาศ และความหนาแน่นของก้อนเนื้อก็จางลง การผ่าตัดสลายเนื้องอกทั้งสามของคุณ Gurli ผ่านไปได้อย่างประสบความสำเร็จ

　　ผู้อำนวยการสวีเค่อเฉิ่งกล่าวว่า “จากการรักษาของคุณ Gurli ผมมีความคิดอยู่สี่อย่างคือ 1. การรักษาที่ครอบคลุมของฟูด้านั้นสามารถช่วยยืดอายุของผู้ป่วยได้ 2. วิธีการรักษาของพวกเรานั้นเป็นการรักษาแบบตะวันตก พวกเราได้นำวิธีการเหล่านี้มาใช้ และได้ใช้กับผู้ป่วยชาวตะวันตกจนได้รับการยกย่องเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของประเทศจีน 3. คุณ Gurli นั้นปัจจุบันเป็นสมาชิกสมาคมจีน-เดนมาร์ก และได้ขึ้นบรรยายหัวข้อ “ประเทศจีน บ้านของฉัน” หลายครั้ง ซึ่งทำให้โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าเป็นที่รู้จักต่อชาวเดนมาร์กมากขึ้นเรื่อยๆ และข้อ 4. หลังจากเข้ารับการรักษา คุณ Gurli มีอายุยืนยาวมามากกว่า 11 ปีแล้ว เธอนับว่าเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกับโรคมะเร็งอย่างแท้จริง