ในวันที่ 19 ธันวาคม ปี 2009 ศ.นพ.สวีเค่อเฉิง ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้าได้พบกับหญิงสาววัย 28 ปี ผู้ป่วยเป็น “โรคประหลาด” ที่ทำให้เธอหมดหวังกับชีวิต ผู้ป่วยท่านนี้เธอชื่อว่าคุณเผิ่งซี่เม่ย อายุ 28 ปี อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านฝู่เหลียน อำเภอกวนเฉียว เมืองฮวาโจ่ว มณฑลม้าวหมิง

　　ในการพูดคุย ศ.นพ. สวีเค่อเฉิงก็ทราบว่าผู้ป่วยท่านนี้เป็นคนน่าสงสารที่มีโรคประหลาดทำให้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

　　เมื่อพบกับคนไข้ โดยสัญชาตญาณ ศ.นพ.สวีเค่อเฉิงก็ทราบได้ในทันทีว่าคนไข้คนนี้ต้องรีบทำการรักษาเพื่อให้ผลการรักษาออกมาได้ผลอย่างดีที่สุด เขาพูดกับคนไข้ว่า “ผมเป็นหมอมาจากกว่างโจว รักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ ดูจากอาการของคุณแล้วสนใจจะไปรักษาที่โรงพยาบาลของเราไหมครับ？”

　　ในวันที่ 22 ธันวาคมคุณเผิงได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยน้ำหนักกว่า 110 กิโลกรัม รอบท้องยาวถึง 157 ซม. หัวหน้าพยาบาลเว่ยรวมถึงพยาบาลท่านอื่นๆต้องคอยช่วยเหลือในเวลาที่เธอต้องการเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า

　　วันที่ 23 ธันวาคม ผู้ป่วยเกิดอาการหายใจถี่หอบกะทันหัน หัวใจเต้นไวถึง 140 ครั้งต่อนาที และการหายใจล้มเหลว ทำให้ต้องรีบส่งเข้าห้อง ICU โดยด่วน

　　ศ.นพ.สวีเค่อเฉิง ศ.นพ.หนิวลี่จื้อ ศ.นพ.มู่เฟิง ศ.นพ.หลี่ไห่โป รวมถึงนายแพทย์ท่านอื่นๆได้รีบเดินทางมาเพื่อทำการประชุมด่วน จึงพบว่าคนไข้มีภาวะกรดในระบบหายใจ และมีภาวะเลือดเป็นด่างจากการเผาผลาญร่วมด้วย หลังจากพิจารณาอาการของคนไข้ได้ข้อสรุปว่าการหายใจที่ยากลำบากของคนไข้เกิดจากความดันในช่องท้องที่สูงเกินไป และกะบังลมย้ายตำแหน่งขึ้นไปเบียดปอดและหัวใจ วิธีการรักษาอย่างเดียวในตอนนี้คือต้องระบายน้ำในช่องท้องอย่างเร่งด่วน เพื่อลดแรงดันในช่องท้อง และเพิ่มความจุปอด

　　การรักษาเริ่มด้วยการเจาะท่อเข้าไปยังบริเวณช่องท้องด้านล่างขวา ในขณะนั้นมีของเหลวสีเหลืองไหลออกมาปริมาณมากถึง 500 มล.ในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น ในการเจาะครั้งแรกสามารถระบายน้ำออกจากช่องท้องได้ถึง 2，000 มล. ในขณะเดียวกันทีมแพทย์ก็ได้ฉีดอัลบูมินเข้าร่างกายคนไข้ด้วย

　　ในระหว่างทำการรักษา ทีมแพทย์ก็ได้ตรวจดูระดับแก๊สในเลือดของผู้ป่วย และในคืนนั้นก็ได้ควบคุมระดับน้ำในช่องท้องให้คงที่ที่ 300 มล.

　　ในวันที่ 25 ธันวาคม ระดับแก๊สในเลือดของผู้ป่วยดีขึ้นมาก และทีมแพทย์ได้ระบายน้ำออกมามากถึง 5，000 มล. และในวันที่ 26 ธันวาคมคนไข้ได้เข้ารับการตรวจ CT SCAN และพบเนื้องอกที่บริเวณอุ้งเชิงกราน ตั้งแต่วันนั้น มามีน้ำระบายออกปริมาญ5，000-7，000 มลต่อวัน         ในคืนปีใหม่ปี 2010 เส้นรอบท้องของคุณเผิงซี่เม้ยเล็กลงจาก 157 เหลือ 110 ซม. เธอนอนรับประทานขนม เค้กและผลไม้ต่างๆที่แพทย์และพยาบาลมอบให้อย่างมีความสุข

　　ในวันที่ 5 มกราคมน้ำหนักของคนไข้ลดลงเหลือ 60 กิโลกรัม เท่ากับว่าน้ำในช่องท้องของคนไข้นั้นมีมากกว่า 50 กิโลกรัม ซึ่งมีจำนวนเท่ากับเบียร์ 100 ขวด หรือเท่ากับอีกเท่าหนึ่งของน้ำหนักตัวผู้ป่วย

　　ในวันที่ 12 มกราคม ปี 2010 เวลา 08.00 น. คนไข้ได้เข้ารับการผ่าตัด ทีมแพทย์โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า รวมถึงทีม สูตินรีแพทย์ ศัลยกรรมแพทย์ทั่วไป แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ วิสัญญีแพทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจได้ร่วมเข้าการผ่าตัด ทุกท่านทราบดีกว่าการผ่าตัดครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกท่านต้องร่วมมือกัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในทุกด้าน

　　เวลา 08.20 น.ได้ทำการใส่ท่อช่วยหายใจ และวางยาสลบ เวลา 08.40น. ได้ทำการเปิดช่องท้อง แยกลำไส้ หลังจากนั้นประมาน 15 นาทีก็ได้เจอกับเนื้อร้ายที่มีขนาดใหญ่เท่าลูกแตงโม ลักษณะขรุขระ คล้ายกับดอกกะหล่ำรวมกันเป็นจำนวนมาก และมีของเหลวไหลออกมาตลอดเวลา รากของเนื้องอกติดอยู่บริเวณรังไข่ด้านซ้าย พันไปถึงลำไส้เล็กและมดลูก รวมถึงท่อไตด้านซ้าย และบริเวณรังไข่ด้านขวาเริ่มที่จะมีเนื้องอกขนาดเล็กโผล่ออกมา

　　สูตินรีแพทย์ได้ทำการผ่าตัดนำรังไข่ออก จากนั้นทีมแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะก็ได้ทำการเชื่อมท่อปัสสาวะ และศัลยแพทย์ทั่วไปก็ได้ผ่าตัดลำไส้ส่วนที่ได้รับผลกระทบจากเนื้องอก

　　และท้ายที่สุด ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาด้วยความเย็นก็ได้ใช้ความเย็นจี้สลายเนื้องอกในส่วนที่เหลือ

　　เนื้องอกที่ถูกผ่าตัดออกมาได้ถูกส่งไปยังศูนย์พยาธิวิทยาสองแห่งในเมืองกว่างโจว ถึงผลตรวจระบุว่าเป็นมะเร็งรังไข่

　　ปัจจุบันคุณเผิงซี่เม่ยได้เป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า ในการพูดคุยกับผู้ป่วย รวมถึงให้คำปรึกษา ให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย และต่อมาในเดือนตุลาคม ปี 2013 เธอก็ได้แต่งงานอย่างมีความสุข