ความยิ่งใหญ่ สำหรับคนธรรมดา ผู้ป่วยชาวไทยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
Author:FUDA
From:ณ เวลานี้ ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เนื่องจากมีสิ่งดีๆอยากจะเขียนออกมาให้ทุกท่านได้ทราบด้วยกัน
วันธรรมดาอย่างวันนี้ แต่ทำให้ดิฉันซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เธอเป็นคนไทยที่ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและได้เดินทางมารับการดูแลที่โรงพยาบาลตั้ง8ครั้งแล้ว เธอรับการดูแลโรคมะเร็งมาเป็นระยะเวลา5ปี กว่าวันนี้ดิฉันได้จัดงานสัมภาษณ์เธออยากให้เธอแสดงความคิดเห็นสำหรับการรับการดูแลที่โรงพบยาบาล ทีแรกดิฉันยังคิดอยู่ว่าเธออาจไม่ยินยอมให้สัมภาษณ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีนักข่าวเคยสัมภาษณ์เธอที่ไทยมาแลัวอีกทั้งปัจจุบันนี้สื่อบางรายเข้าใจเทคโนโลยีการดูแลผู้ป่วยของฟูด้าผิดการออกข่าวนั้นๆ ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัยจนกระทั่งวิตกกังวลซึ่งมีคนไหนหรือที่จะยินยอมและยินดีพูดให้ทางโรงพยาบาลในช่วงเวลานี้ ดิฉันไม่ค่อยมั่นใจมากนักแต่ก็ลองขอไป คิดไม่ถึงเลยว่าเธอยินดีให้สัมภาษณ์โดยไม่ลังเล เธอบอกว่าเธออยากช่วยเหลือเพื่อนคนไทยให้มากกว่านี้อยากให้เพื่อนๆเข้าใจการดูแลผู้ป่วยของฟูด้ามากกว่านี้และได้ผลประโยชน์จากการรับการดูแลด้วย
เรานัดไว้ตอน17:00น เริ่มสัมภาษณ์ เรายังไม่ทันได้ถามคำถาม เธอก็เริ่มพูดขึ้นมาเรื่อยๆเธอว่ามีเรื่องมากมายอยากจะบอกผู้ป่วยชาวไทย เราเลยปล่อยให้เธอพูดไปเอง
เธอตัวผอมรูปร่างเล็กนั่งบนเตียงด้วยความใจเย็น“Action!”ช่างถ่ายวีดีโอบอกสัญญาณไปอย่างมั่นใจ เธอพูดมาคล่องแคล่วอย่างกับไข่มุกหลุดหล่นจากเส้นแล้วเก็บขึ้นมาไม่ทันพูดจาอย่างใจเย็นเสียงอ่อนหวานมีความจริงใจ ดิฉันฟังภาษาไทยไม่ค่อยได้และส่วนใหญ่เรียนจากเธอมา แต่ดิฉันรู้สึกว่าเธอรักโรงพยาบาลฟูด้าด้วยใจ มีบุญคุณต่อชาวฟูด้ามาก เธอพูดว่าเธอรักฟูด้าเพราะฟูด้าให้ความหวังและความแข็งแรงแก่เธอ ตอนนี้ผลตรวจของเธอเป็นค่าปกติทั้งหมด สุขภาพร่างกายปกติแข็งแรงดี ใบหน้าแดงสดใส เธอได้ขอบคุณแพทย์พยาบาลและล่ามที่คอยเป็นห่วงและดูแลเธอเป็นอย่างดี ทุกครั้งเธอจะเดินทางมาคนเดียว เธอว่าชอบอยู่ฟูด้าเพราะที่นี่มีความรักมีเพื่อนผู้ป่วยไทยมากมายคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น หลับได้สนิท การสัมภาษณ์กำลังดำเนินการอยู่ เสมือน“ไข่มุก”หล่นลงตลอดเวลา กริ๊ง…กริ๊ง…กริ๊ง
เนื่องจากเธอไม่มีครอบครัว ทุกครั้งเธอจะเดินทางมาคนเดียว พ่อแม่และพี่สาวเธอเสียชีวิตไปนานแล้วโดยเหลือพี่ชายคนหนึ่งทำงานเป็นผู้บริหารที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พี่ชายเธอแต่งงานมีครอบครัวและต้องดูแลครอบครัวจึงไม่สามารกช่วยเหลือเธอได้มากนัก หลังจากจบปริญญาตรีเธอได้ทำงานจำหน่ายข้าวสารที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนป่วยเธอทำธุรกิจส่งออกต่างประเทศสินค้าคือพวก ข้าว อาหารสำเร็จรูป ซึ่งก่อนหน้านี้ธุรกิจเฟื่องฟู แต่ตอนนี้เงียบมาก เพราะจากสาเหตุเศรษฐกิจตำต่ำลูกค้าย้ายไปซื้อของประเทศอื่นที่ต้นทุนต่ำกว่าไทย แต่ก็ยังคงคบค้าเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน เธอบอกว่าลูกค้าคือผู้มีพระคุณสูงสุด ทำให้เธอสร้างเนื้อสร้างตัวมีบ้านเป็นของตัวเองได้มาจากความเมตตาของลูกค้า
ก่อนป่วยเธอเป็นคนชอบทำบุญกับโรงพยาบางสงฆ์ถวายอาหารให้พระที่ป่วยถึงเตียงนอน และถวายเงินค่าดูแลพยาบาลให้ท่านทุกๆ 2 สัปดาห์ , เธอบริจาคเงินให้กับสภาการชาดไทยทุกๆ เดือน, เธอบริจาคเงินและสิ่งของ อาหารให้กับมูลนิธิเด็กพิการทุก 3 เดือน
เธอชอบช่วยเหลือคนแม้แต่คนกวาดขยะหน้าบ้านเวลาเขาเดือนร้อนมาขอเงินค่าดูแลพยาบาลเธอก็ให้ด้วยความยินดีไม่ได้คิดจะต้องการสิ่งตอบแทน
จนเธอป่วยรับการดูแลมะเร็ง เธอก็ยังมีนิสัยชอบช่วยเหลือคน เธอบอกว่า การมารับการดูแลตัวที่ FUDA นี้ได้เจอะเจอคนไทยที่มีความทุกข์จากการดูแล พากันมาล้นหลาม ดังนั้นห้องพักของเธอที่FUDAแต่ละครั้งจึงเต็มไปด้วยบรรดาคนไทยที่เดินทางมารับการดูแล เข้ามาขอคำแนะนำ มาปรับทุกข์ตั้งแต่เช้าจนเวลาเข้านอน เธอบอกว่าการได้ช่วยเหลือแนะนำพวกเขาให้พ้นทุกข์ถือว่าตัวเองสบายใจมีความสุขไปด้วย เธออยากบอกคนป่วยมะเร็งว่าขอให้ใช้ดุลพินิจในการคิดหาหนทางรับการดูแล ทุกๆที่ต้องมีการทดลอง ทดสอบกับคนไข้ ยาบางตัวอาจดูแลผู้ป่วยได้เป็นบางคน เพราะร่างกายไม่เหมือนกัน ขอให้พอใจกับการดูแลที่ทำให้เราแข็งแรง มีชีวิตอยู่ได้อีกหลายๆ ปี ให้กินได้ นอนหลับ อย่าเชื่อตามข่าวต่างๆ เพราะคนปล่อยข่าวไม่ได้เป็นคนป่วยมะเร็ง คุณเป็นมะเร็งแล้วมีอะไรที่จะหนักหนาร้ายแรงกว่านี้อีกหรือไม่? ตัวเราชีวิตเรา ควรตัดสินใจด้วยตนเอง หรือสอบถามจากคนป่วยที่เป็นมะเร็งด้วยด้วยกัน เพราะเชื่อว่าคนป่วยด้วยกันคงไม่โกหกท่านอย่างแน่นอนค่ะ ขอให้คนป่วยมะเร็งมีกำลังใจ เข้มแข็ง อดทนเพื่อต่อสู้กับโรค อย่าจิดใจหดหู่ ให้มีความสุขกับการรับการดูแล แล้วเชื่อว่าท่านจะเอาชนะได้ผล เธอบอกว่าอนาคตต่อไป เธอต้องการได้ไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองไทยเพื่อดูแลและให้กำลังใจคนป่วยมะเร็งค่ะ นี่คือความฝันของเธอค่ะ
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วเราไม่ได้ถามและพูดอะไรไปสักคำเธอพูดอยู่คนเดียวตลอด เธอแนะนำโรงพยาบาลฟูด้าไปรอบหนึ่งรวมทั้งบรรยากาศรอบข้างโรงพยาบาลและการใช้ชีวิตที่ฟูด้าจนช่างถ่ายวีดีโอกระซิบถามดีฉันมาว่าทำไมช่างพูดจังไม่เคยหยุดเลยห้าห้าห้าอดพูดมานานวันนี้มีโอกาสได้ระบายแล้ว ดิฉินล้อเล่นตอบกลับไป ทุกคนส่งสายตากันด้วยความชื่นชมเธอ หลังจาก48นาทีผ่านไป “ไข่มุก”หล่นลงหมด การสัมภาษณ์เสร็จสิ้นอย่างราบรื่น เราได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
แต่ดิฉันยังหมกมุ่นอยู่ในบรรยากาศสัมภาษณ์ ดิฉันถามเธอตอนนี้อยากจะทำอะไรมากที่สุด “ให้ความช่วยเหลือกับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการช่วยให้มากกว่านี้ชาตินี้ก็คุ้มแล้วค่ะ”เธอตอบกลับมาอย่างสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
เธอเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เธอมีจิตใจความรักที่ล้ำค่า อดทนต่อสู้ไปตลอด ซึ่งหาเจอไม่มากนักในโรงพยาบาลมะเร็งฟู้ด้าประเทศจีน ยังมีผู้ที่เป็นขวัญใจยิ่งใหญ่ของโรงพยาบาล คือท่าน ฉวี เค่อเฉิง ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลเรา ท่านอายุ 76 ยังทำงานต่อสู้อยู่ทุกวันเพื่อดูแลผู้ป่วย ท่านเคยกล่าวว่า “ท่านจะทำงานจนถึงชีวิตนาทีสุดท้าย แต่คนอื่นอาจไม่รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วตัวท่านเป็นผู้ป่วยมะเร็งตับ”
ถึงตอนนี้ดิฉันคงเขียนต่อไปไม่ได้แล้วต้องขอยกนิ้วให้พวกเขาที่มีความรักอันยิ่งใหญ่ในชีวิตธรรมดาเราควรเลียนแบบพวกเขาให้ความรักแก่คนอื่นแล้วตัวเราจะได้มีความสุขกลับมาซึ่งจะทำให้โลกนี้งดงามมากขึ้นเรื่อยๆตลอดไป
-
รอง ศ.นพ.เผียวเชี่ยงฮ่าว...
การรักษาด้วยการให้ยาผ่านทางเส้นเลือด
การรักษาด้วยความเย็น (Cryosurgical Ablation, CSA)
การรักษาด้วยมีดนาโน (IRE)
การรักษาด้วยคลื่นไมโครเวฟ
การรักษาด้วยแสงจำเพาะ (Photodynamic Therapy, PDT)
การรักษาด้วยคีโมร้อนบริเวณช่องท้อง
การรักษาโดยสร้างภูมิคุ้มกันแบบองค์รวม
-
โรงพยาบาลมะเร็งเฉพาะทางแห่งชาติ
-
โรงพยาบาลมะเร็งที่ได้รับรองมาตรฐาน JCI ระดับนานาชาติ
-
ศูนย์ฝึกอบรมการรักษาด้วยความเย็นแห่งเอเชีย
-
ศูนย์ชีวการแพทย์กว่างโจวสถาบันวิทยาศาสตร์จีนและเวชศาสตร์ปริวรรตสถาบันสุขภาพ